'สนธิรัตน์'เดินหน้าดันยุคทองมันสำปะหลัง
เศรษฐกิจ
“ปัจจุบันราคามันฯเชื้อแป้ง 25% เฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 2.81 บาท เป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ เพราะมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ประมาณ 1.90 บาท ซึ่งจะพยายามรักษาระดับราคาให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป ล่าสุดกระทรวงมีแผนจะร่วมมือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำตลาดและหาตลาดรองรับผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาด”
นอกจากนี้กระทรวง ยังได้จัดให้มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือ(เอ็มโอยู) จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ การรับซื้อมันสำปะหลังราคาที่เป็นธรรม ระหว่างเกษตรกรและโรงงานแป้งมันสำปะหลัง และแนวทางการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทย ระหว่างสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ได้รับผลตอบแทนจากการจำหน่ายผลผลิตในราคาที่คุ้มกับต้นทุนการผลิต
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2561/62 มีมาตรการดูแลทั้งระบบตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด โดยในด้านสินเชื่อ จะให้สินเชื่อสหกรณ์ ดอกเบี้ยต่ำ 1% ต่อปี ระยะเวลา 12 เดือน วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท เพื่อรวบรวมรับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกร และให้สินเชื่อเกษตรกร ดอกเบี้ยต่ำ 0.5% ต่อเดือน รายละไม่เกิน 20,000 บาท เป้าหมายเกษตรกร 100,000 ราย วงเงินสินเชื่อ 2,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในครัวเรือน เพื่อลดปัญหาการก่อหนี้นอกระบบของเกษตรกร
นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนเงินทุนการเพาะปลูกระบบน้ำหยด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รายละไม่เกิน 230,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำ 4% ต่อปี วงเงินสินเชื่อ 1,150 ล้านบาท , สนับสนุนเครื่องสับมันขนาดเล็ก เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถแปรรูปเป็นมันเส้นในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต จำนวน 740 เครื่อง , เชื่อมโยงตลาด ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายมันสำปะหลังทั้งในประเทศและต่างประเทศ , ยกระดับคุณภาพมันสำปะหลัง ให้ตรงกับความต้องการของตลาด (มันเส้นสะอาด) และกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบนำเข้า รวมทั้งการป้องกันโรคพืช เช่น โรคไวรัสใบด่างที่อาจมีการแพร่ระบาดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน