ชงครม.คุมค่ายา-รักษาพยาบาล
เศรษฐกิจ
สำหรับการเพิ่มยาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เข้ามาเป็นสินค้าและบริการควบคุม เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมากว่าโรงพยาบาลเอกชนมีการคิดค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ และค่ารักษาพยาบาลแพงเกินสมควร ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ จึงต้องนำเข้ามาเป็นสินค้าและบริการควบคุม เพื่อให้สามารถมีมาตรการเข้ามากำกับดูแลตามความเหมาะสม
“กระทรวงพาณิชย์มีความจำเป็นที่จะต้องเสนอการทบทวนบัญชีสินค้าและบริการควบคุมให้ ครม. พิจารณาภายในเดือนม.ค.นี้ เพราะหากไม่เสนอให้มีการทบทวน จะทำให้สินค้าและบริการควบคุมตกอยู่ในภาวะสุญญากาศ ไม่สามารถใช้มาตรการบริหารจัดการได้ เพราะการกำหนดบัญชีควบคุมเดิมได้หมดอายุลงแล้ว และในการพิจารณาของ ครม. จะเห็นด้วยตามข้อเสนอของ กกร. หรือไม่ ก็แล้วแต่ ครม. จะเป็นผู้พิจารณา”
สำหรับรายการสินค้าและบริการควบคุม ที่คาดว่าจะมีปัญหา ก็คือ ยาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เพราะขณะนี้ โรงพยาบาลเอกชนได้แสดงความไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า โรงพยาบาลเอกชนต่างจากโรงพยาบาลของรัฐ ที่มีงบประมาณสนับสนุน และยังต้องลงทุนในด้านเทคโนโลยี พัฒนาการให้บริการ ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และแต่ละโรงพยาบาลก็มีต้นทุนด้านนี้แตกต่างกัน แต่อีกด้าน ฝ่ายผู้บริโภค ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแล เพราะมีการคิดราคาสูงเกินจริง ทำให้ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ทางออกในเรื่องนี้ที่ประชุม ครม. น่าจะมี 2 แนวทางคือ หากเห็นชอบให้เป็นสินค้าและบริการควบคุมแล้วจากนั้นก็จะให้ผู้ทีเกี่ยวข้องร่วมกันหามาตรการที่จะนำมาใช้ในการกำกับดูแลเรื่องของยาและบริการทางการแพทย์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ กกร. จะต้องไปดำเนินการต่อ และแนวทางที่ 2 คือ ให้ตัดยาและค่าบริการทางการแพทย์ออกจากบัญชีเป็นสินค้าและบริการควบคุม นชั้นการพิจารณาของ ครม. เลย ซึ่งเป็นเรื่องคงต้องมีการจับตากันต่อไปเพราะหากเป็นสินค้าควคุมอาจกระทบต่อต้นทุนโรงพยาบาลและกระทบต่อตลาดหุ้นแน่นอน แต่หากไม่เห็นชอบเชื่อว่าภาคประชาชนจะมีการประท้วงและยื่นเรื่องดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเช่นกัน