กรุงไทยเร่งคลอดกองทุนใหม่ เพิ่มทางเลือกลูกค้า
เศรษฐกิจ
ทั้งนี้เลือกลงทุนในต่างประเทศ ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ /REIT ทองคำและน้ำมัน เป็นต้น นับว่าเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการโอกาสเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศทั่วโลก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า Benchmark ในระยะกลางถึงยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
"มูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 61 ที่เพิ่มขึ้นจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน มี AUM อยู่ที่ 109,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% จากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund – TFFIF) และบริษัทเป็นทรัสตีให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อยู่ที่ 99,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% เนื่องจากได้รับความไว้วางใจให้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร , กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงาน บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด"
ส่วนกองทุนส่วนบุคคล อยู่ที่ 71,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.3% ส่วนกองทุนรวม อยู่ที่ 496,224 ล้านบาท ลดลง 0.4% จากภาวะความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF) อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ 3.8% กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) เพิ่มขึ้น3.4% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 2.5% กองทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้น22.2% ในขณะที่อุตสาหกรรม -4.3% ส่วนในปี2562 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของ AUM ไว้ที่ 878,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10%
ในปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน โดยเฉพาะกองทุนเปิดกรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (KT-PIF) ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ และทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าร้อยละ80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยปัจจุบันลงทุนในไทย 53% และสิงคโปร์42% จุดเด่นของกองทุนนี้คือ REIT เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น
โดยข้อมูลย้อนหลัง5 ปี พบว่า SETREIT& Property มีค่าความผันผวนอยู่ที่ 5.4% ในขณะที่ SET อยู่ที่11% กองทุนจะเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการเช่าอยู่ในระดับสูง มีการประจายตัวของผู้เช่าที่ดี และมีการจ่ายเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ REIT ในปีนี้น่าจะได้รับปัจจัยบวก จากการที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลในเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตาดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันจากเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยของทั่วโลกน่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา
สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 28 ธ.ค.61 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 6.88% เมื่อเทียบกับ Benchmark อยู่ที่ 2.25% ในปีที่ผ่านมา กองทุนมีการจ่ายเงินปันผล 3 ครั้ง รวมจำนวน 0.60 บาทต่อหน่วย นับว่าเป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง10.82% (29 ธ.ค.60-28 ธ.ค.61)