ข่าวหวังเรทติ้งไทยรับจัดอันดับใหม่ หลังการเมืองมีเสถียรภาพ - kachon.com

หวังเรทติ้งไทยรับจัดอันดับใหม่ หลังการเมืองมีเสถียรภาพ
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า  เศรษฐกิจปีนี้คาดว่าเติบโต 4.5%  ปัจจัยหนุนมาจากการเลือกตั้งดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากไทยไม่ได้มีการเลือกตั้งมา 5 ปีแล้ว ขณะที่การส่งออกชะลอตัวลงคาดว่าเติบโตเพียง 5% ปัจจัยลบมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน  การเมืองยุโรป  การใช้นโยบายรักษาความสมดุลของจีน  และความผันผวนของราคาน้ำมัน ส่วนเศรษฐกิจโลกแม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่าจะโตเพียง3.5% จากเดิมตั้งไว้ 3.7% แต่ธนาคารประเมินจีดีพีโลกโต 3.6%

   “  หวังรัฐบาลใหม่จะยังคงดำเนินนโยบายต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า ไม่ว่าพรรคใดจะมาเป็นรัฐบาล โดยโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ โดยมีรัฐธรรมนูญใหม่ ที่อนุญาตให้โครงการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง  นอกจากนี้มองว่าเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น ประกอบกับ ตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของไทย จะทำไทยได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศเพิ่มขึ้น  จากเดิมที่ถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ หรือเอสแอนด์พี และทริสเรทติ้งจัดอันดับของไทยอยู่ที่ ทริปเปิลเอพลัส  AAA+   และมู้ดดี้ส์จัดอันดับเราอยู่ที่ Baa 1  อาจขยับขึ้นไปที่ระดับ A-  หรือ A    ซึ่งที่ผ่านมาไทยเคยอยู่ระดับ A ก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 “
 
อย่างไรก็ตาม  หลังจากการเลือกตั้งต้องประเมินเศรษฐกิจอีกครั้ง เนื่องจากต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่า จะเป็นรัฐบาลผสม หรือ รัฐบาลพรรคเดียว   ส่วนเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะอยู่ 2 %  ส่วนนโยบายการเงิน มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีนี้  ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งเช่นกัน   เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความกังวลเรื่องความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจจากการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นเวลานาน
 
สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเกินดุลลดลงมาอยู่ที่ 5% ของจีดีพีจากเดิมอยู่ที่  7-10% ของจีดีพี เนื่องจากมีการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น แม้ว่าส่งออกจะลดลง  ส่วนรายได้ท่องเที่ยวปีนี้อาจไม่มากนัก  คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 40 ล้านคน ขณะที่ค่าเงินบาทสิ้นปีนี้อยู่ที่  33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ   ช่วงกลางปี 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  สาเหตุที่ค่าเงินบาทอ่อนส่วนหนึ่งเกิดจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยทำให้เงินไหลออกไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า   และดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง