'อาคม' สั่งยุติใช้เปลวไฟลอกสีรถไฟลดฝุ่นพิษ
เศรษฐกิจ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายระบบขนส่งคมนาคมเป็นหนึ่งเดียว (One Transport) ปลอดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เพื่อตรวจปริมาณค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ภายในบริเวณโรงงานมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ได้ให้ รฟท. ติดตามการเปลี่ยนเชื้อเพลิงรถไฟเป็นบี 10 ซึ่งได้ทดลองใช้กับรถดีเซลรางทั่วประเทศ 100 คัน ระยะเวลา 6 เดือน สามารถใช้แทนน้ำมันดีเซลได้ ไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ จึงสั่งการให้เปลี่ยนใช้บี 10 ในวันที่ 1 ก.พ.62 ก่อน เบื้องต้นต้องหารือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อขยายนำน้ำมันบี 10 ไปยังสถานีเติมน้ำมัน 18 สถานีทั่วประเทศของ รฟท. เพื่อเดินรถได้ตลอดเส้นทาง
นายอาคม กล่าวต่อว่า ตลอดจนการซ่อมแซมรถไฟที่มีการเผาตู้รถโดยสาร เพื่อลอกสีแล้วทำให้เกิดควันดำ ตอนนี้ได้สั่งหยุดใช้วิธีการดังกล่าวแล้ว และการซ่อมแซมแบบนี้เป็นการซ่อมหนัก คือทำสีใหม่ ห้องโดยสาร และเช็กช่วงล่างใหม่ทั้งหมด ซึ่งในปี 61 ได้ซ่อมรถโดยสาร 70 คัน หรือเดือนละไม่เกิน 6 คัน หรือสัปดาห์ละไม่เกิน 1-2 คัน ซึ่งการลอกสีให้เอกชนรับดำเนินการ ทั้งนี้การลอกสีจนถึงผิวโลหะใช้ความร้อนจากเปลวไฟแก๊สเป็นการให้ความร้อนแค่เพียงให้ตัวสีโป๊วอ่อนตัวเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการนำอุปกรณ์มาขูดเอาสีโป๊วออกจากผิวโลหะ ในการลอกสีแต่ละคันจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 ชม. ตามปกติจะลอกสีภายในโรงงาน วันนั้นมีรถรออยู่จนออกมาทำด้านนอก ตอนนี้หากมีความจำเป็นสั่งการให้ทำในโรงพ่นสี เพื่อความปลอดภัยและไม่มีควันส่งผลต่อกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
นายอาคม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การซ่อมรถไฟ มีทั้งแบบซ่อมเบาและซ่อมหนัก ถ้าความเสียหายของรถโดยสารไม่มากยังให้บริการอยู่ แต่ต้องเจอกับข้อร้องเรียนประชาชนผู้ใช้บริการ เช่น ห้องน้ำชุด เบาะที่นั่ง และรถโดยสารไม่สวยงาม รวมทั้งดูความจำเป็นปรับปรุงรถโดยสารมาใช้งานได้ตามปกติ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่ที่ต้องให้บริการรถไฟเพียงพอ เพราะหากเพิ่มรถเสริมจำกัด แต่ถ้าปรับปรุงรถโดยสารได้เร็วสามารถขบวนรถที่ยาวและบริการรถได้มากขึ้น และในอนาคตรถโดยสารจะมาปรับเปลี่ยนจากรถโดยสารแบบเหล็กที่มีประมาณ 300 กว่าคันมาใช้รถโดยสารสแตนเลสมากทั้งหมด
นายอาคม กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้กระทรวงได้พยายามแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วงระยะสั้นก่อน เนื่องจากเดือน ม.ค.-ก.พ.62 เป็นช่วงอากาศปิดต้องลดผลกระทบ เน้นตามกรมควบคุมมลพิษได้วัดค่าอากาศที่วิกฤตหนัก ไม่ว่าจะเป็นถนนเส้นรอบนอก เช่น ทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน เป็นช่วงต่อเนื่องกับถนนพระราม 2 และถนนกาญจนาภิเษก ไป จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีรถบรรทุกใช้ในแต่ละวันจำนวนมาก ซึ่งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ลองติดตั้งเครื่องฉีดฝอยละอองน้ำแรงดันสูง ตอนนี้ใช้แรงดันต่ำอยู่พบว่าได้ผลในจุดที่พ่นน้ำมีค่า PM 2.5 ลดลง ซึ่งช่วยลดผลกระทบให้กับพนักงานที่เก็บค่าผ่านทางบริเวณดังกล่าว และผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องเปิดหน้าค่างจ่ายค่าผ่านทางไม่ต้องสูดดมฝุ่นละอองเข้าไปมากเกินควร ส่วนติดตั้งเครื่องแรงดังสูงจะใช้เวลาอีก 3-5 วัน เพื่อใช้กับฝุ่นละอองเล็กมากสุดที่สามารถละลายไปกับฝุ่น PM 2.5 ได้ นอกจากนี้เร่งแก้ไขปัญหาตรวจควันดำรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทั้งหมดแล้ว และขยายผลไปตรวจรถเอกชนร่วมบริการ ขสมก. ด้วย รวมทั้งการตั้งด่านตรวจรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลัก โดยใช้วิธีการสุ่มตรวจไม่ได้ตรวจทุกคัน ซึ่งจุดตรวจต้องหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีรถติด ส่วนระยะยาวต้องหารือกันอีกครั้ง