เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่กระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติ
ดตามการดำเนินมาตรการ “One Transport ปลอดฝุ่น PM 2.5” ของหน่วยงานในสังกั
ดกระทรวงคมนาคมผ่านวิดี
โอคอนเฟอเร้นซ์ว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่มี
โครงการก่อสร้าง โดยเฉพาะกรมทางหลวง(ทล.) กรมทางหลวงชนบท(ทช.) การรถไฟขนส่งมวลชนแห่
งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.
) ขยายเวลางดกิจกรรมที่ก่อให้เกิ
ดฝุ่นละอองจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค.62 ออกไปถึงวันที่ 15 ก.พ.62 เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยปรับเปลี่
ยนแผนการทำงานไปทำด้านอื่นที่
ไม่ก่อให้เกิดฝุ่น และหลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วน เช่น ไม่นำดินเข้าและออก เป็นต้น พร้อมให้คืนพื้นผิวจราจร และล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลั
งเสร็จงาน
นายอาคม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้สั่งการให้เพิ่มจุดติ
ดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำขนาดจิ๋
วแรงดันสูง จำนวน 4 จุด ได้แก่ ด่านบางขุนเทียน 2, ด่านวิภาวดี บริเวณหน้า ปตท., ด่านบางแก้ว และถนนพหลโยธิน หน้า ม.เกษตรศาสตร์ เพื่อบรรเทาการกระจายของฝุ่น ส่วน รฟม. ให้ติดตั้งในเส้นทางก่อสร้
างสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) เพื่อบรรเทาการกระจายของฝุ่น นอกจากนี้ให้กรมขนส่งทางบก (ขบ.)
ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์ เพื่อตรวจเข้มควันดำรถร่
วมเอกชนของ ขสมก.และบขส. รวมถึงรถทัศนาจร รถบรรทุก และรถรับส่งพนักงาน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีรถเกิ
นมาตรฐานควันดำ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้กำหนดค่
ามาตรฐานควันคำที่สูงกว่าที่
กรมควบคุมมลพิษกำหนดจาก 45% เป็น 30% หากตรวจพบห้ามรถออกวิ่งทันที พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ ขบ.เข้มงวดร้านค้าที่รับติดตั้
งสวิตซ์ เปิด-ปิดตรวจจับควันดำ หากพบร้านที่กระทำผิดจะสั่งปิ
ดทันที
นายอาคม กล่าวอีกว่า ได้เน้นย้ำมาตรการส่งเสริมใช้
รถสาธารณะ จอดแล้วจรในที่จอดรถของ รฟม. สายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) มากขึ้น ซึ่งเวลานี้มีผู้ใช้บริการเพียง 30% จากจำนวนที่จอดรถ 5 พันคัน ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และ ทล. ต้องจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการใช้
บัตรอีซี่พาส และเอ็มพลาส เพื่อลดความแออัดช่องจ่ายเงินสด ส่วนแอร์พอร์ตลิ้งค์ ต้องจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้บริ
การเพิ่มจาก 8.8 หมื่นคนต่อวันเป็น 1 แสนคนต่อวัน และร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดแพคเกจจูงใจให้พนักงานและบุ
คคลที่ทำงานในสนามบินกว่า 10,000 คน หันมาใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์
ตลิ้งค์ หรือ รถประจำทางของ ขสมก. เช่น สาย S1 สุวรรณภูมิ-สนามหลวง ให้มากขึ้น ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะให้รถวิ่งแบบวันคู่วั
นคี่นั้น นายอาคม กล่าวว่า เป็นเพียงแค่แนวคิด เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่
อประชาชนจำนวนมาก
ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่
เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้
างเข้มงวด ตรวจสอบผู้รับเหมาที่เครื่องจั
กรต่างๆ ใช้นำมันดีเซล และห้ามเด็ดขาด ไม่ให้ใช้น้ำมันเครื่องที่ใช้
แล้วมากรองใช้ใหม่เพื่อลดต้นทุน หากรถครบกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่
องต้องเปลี่ยนตามกำหนดทุกคัน ซึ่งในส่วนนี้เป็นตัวเร่งที่
ทำให้เกิดฝุ่นที่เกินค่ามาตรฐาน ทั้งนี้พบว่าในโครงการก่อสร้
างในหลายๆ โครงการมีผู้รั
บเหมาใช้น้ำมันใช้แล้วมาใช้ใหม่
จำนวนมาก นอกจากนี้ได้สั่งการให้ ขบ. เข้มงวดตรวจสอบร้านที่รับปรับจู
นกล่องหลัก ( ECU REMAP ) ปรับแต่งลดค่า safety factor ของเครื่องยนต์ ด้วยการเพิ่มแรงม้า แรงบิด ปรับคันเร่งดันแปลงเครื่องยนต์ ซึ่งในส่วนนี้พบว่าทำให้รถที่
ปรับแต่งเมื่อมาวิ่งบนท้
องถนนทำให้เกิดมลพิษที่เกินค่
ามาตรฐานได้ ซึ่งให้ ขบ.ไปตรวจสอบการบังคับใช้
ทางกฎหมายว่าจะมีการปรับ ลงโทษอย่างไรบ้าง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ร้านปรับแต่งดังกล่าวจะมีอยู่
ตามถนนสายหลักๆ เช่น ถนนบรมราชชนนี และพุทธมณฑล เป็นต้น
ส่วนนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดี ขบ. กล่าวว่า ได้สั่งการให้สายตรวจ ขบ. ออกตรวจจับรถทุกประเภท และร้านหรืออู่ซ่อมรถที่มี
การให้บริการปรับจูน กล่องอีซียูที่ทำหน้าที่ควบคุ
มการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิ
งและการจุดระเบิดของเครื่องยนต์
ที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้
ตามมาตรฐานทางด้านมลภาวะต่อสิ่
งแวดล้อม โดยมีการติดตั้งปุ่มเปิดและปิ
ดควันดำที่ท่อไปเสีย เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมควั
นดำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหากตรวจพบว่ารถคันไหนมีการติ
ดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวจะถือว่ามี
ความผิด ตามพ.ร.บ. ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ข้อหาใช้รถที่ไม่ปลอดภัยต่
อการใช้รถใช้ถนนจะถูกปรับไม่เกิ
น 2 พันบาท ส่วนร้านที่ให้บริการรับดั
ดแปลงอีซียู กรมอาจจะพิจารณาใช้
กฎหมายอาญาเข้ามาดำเนินคดี
ในฐานะตัวการร่วม ถูกปรับในอัตรา2,000 บาท เช่นกัน.