แรงซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกดันดัชนีตลาดหุ้นปิดบวก
เศรษฐกิจ

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชียพลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิด ที่ระดับ 1,658.71 จุด บวก 5.62 จุด หรือ 0.34 % ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,663.49 จุด และต่ำสุดที่ 1,653จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,519.79 ล้านบาทว่า หุ้นไทยปิดบวก แม้ว่าในระหว่างวันจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,663 จุด ซึ่งเคยเป็นจุดสูงสุดก่อนหน้านี้แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ก่อนที่จะย่อตัวลงมา ขณะที่มูลค่าซื้อขายกลับดีขึ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการ ทั้ง ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ จีน และ มาเลเซีย โดยตลาดหุ้นที่เปิดทำการกลุ่ม TIP นั้น อินโดนีเซียบวก 1.02% ฟิลิปปินส์ลบ 0.4% ญี่ปุ่นบวก 0.14%

สำหรับกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาจากค้าปลีก เป็นผลมาจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้นมาเป็นสัญญาณบ่งบอกครัวเรือนเริ่มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากความชัดเจนเรื่องเลือกตั้ง รวมถึงกลุ่มแบงก์ และสื่อสาร ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.คงดอกเบี้ยไว้ 1.75% พร้อมติดตามค่าเงินบาทแข็งค่าและเข้าดูแลหากมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
ด้านประเด็นต่างประเทศการแถลงนโยบายประจำปีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเน้นโฆษณาผลงานเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโต 2 เท่า และผลการเจรจาการค้ากับจีนท่าทีดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯต้องการขาดดุลการค้าจีนลดลง และเตรียมลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มทิศทางตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้น่าจะมีทิศทางปรับขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดหุ้นเอเชียจะเปิดอีกหลายตลาด รวมถึงมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ทำให้เกิดความผันผวนระหว่างวันได้ มองแนวรับ 1,645 จุด แนวต้าน 1,665 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุนธีมเดิม เน้นอิงเศรษฐกิจในประเทศรับผลดีจากเลือกตั้ง เช่น ค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง แบงก์ และหุ้นปันผลสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร เป็นต้น

สำหรับกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาจากค้าปลีก เป็นผลมาจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้นมาเป็นสัญญาณบ่งบอกครัวเรือนเริ่มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากความชัดเจนเรื่องเลือกตั้ง รวมถึงกลุ่มแบงก์ และสื่อสาร ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.คงดอกเบี้ยไว้ 1.75% พร้อมติดตามค่าเงินบาทแข็งค่าและเข้าดูแลหากมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
ด้านประเด็นต่างประเทศการแถลงนโยบายประจำปีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเน้นโฆษณาผลงานเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโต 2 เท่า และผลการเจรจาการค้ากับจีนท่าทีดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯต้องการขาดดุลการค้าจีนลดลง และเตรียมลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มทิศทางตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้น่าจะมีทิศทางปรับขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดหุ้นเอเชียจะเปิดอีกหลายตลาด รวมถึงมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ทำให้เกิดความผันผวนระหว่างวันได้ มองแนวรับ 1,645 จุด แนวต้าน 1,665 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุนธีมเดิม เน้นอิงเศรษฐกิจในประเทศรับผลดีจากเลือกตั้ง เช่น ค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง แบงก์ และหุ้นปันผลสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร เป็นต้น