กสิกรไทยประกาศจ่ายปันผลกองทุนวันวาเลนไทน์
เศรษฐกิจ
Webmaster
2019-02-12 16:35:00
13
Webmaster
2019-02-12 16:35:00
13
-
สนับสนุนเนื่อหา
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า เตรียมจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พ.ค.61 ถึง 31 ม.ค.62 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 31 ม.ค.62 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 ก.พ. รวมเป็นเงิน 90.60 ล้านบาท
สำหรับ กองทุนดังกล่าวมีการจ่ายเงินปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน แล้วทั้งสิ้น 23 ครั้ง รวมเป็นเงิน 6.15 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ที่ผ่านมากองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.59% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนมีความโดดเด่น สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.61% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ -2.99% ต่อปี และ 3 ปี อยู่ที่ 15.14% ต่อปี ชนะเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 12.62% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการปรับลดสภาพคล่อง รวมถึงการที่พรรคเดโมแครตเข้ามาถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งอาจทำให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งนี้การเติบโตยังมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีแรงหนุนจากอัตราค่าจ้างที่ขยายตัวดี ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เป้าหมายที่ 2.0% โดยแรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง และเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนปรนมากขึ้นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน (Dovish) ส่วนประเด็นที่ติดตามเป็นเรื่องความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่กดดันบรรยากาศการลงทุน รวมถึงผลกระทบที่มีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน
สำหรับ กองทุนดังกล่าวมีการจ่ายเงินปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน แล้วทั้งสิ้น 23 ครั้ง รวมเป็นเงิน 6.15 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ที่ผ่านมากองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.59% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนมีความโดดเด่น สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.61% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ -2.99% ต่อปี และ 3 ปี อยู่ที่ 15.14% ต่อปี ชนะเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 12.62% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการปรับลดสภาพคล่อง รวมถึงการที่พรรคเดโมแครตเข้ามาถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งอาจทำให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งนี้การเติบโตยังมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีแรงหนุนจากอัตราค่าจ้างที่ขยายตัวดี ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เป้าหมายที่ 2.0% โดยแรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง และเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนปรนมากขึ้นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน (Dovish) ส่วนประเด็นที่ติดตามเป็นเรื่องความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่กดดันบรรยากาศการลงทุน รวมถึงผลกระทบที่มีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน
