ทำใจราคารถขยับรับยูโร5
เศรษฐกิจ
Webmaster
2019-02-12 17:00:00
27
Webmaster
2019-02-12 17:00:00
27
-
สนับสนุนเนื่อหา
นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมบริษัทรถยนต์ ถึงการยกระดับเป็นมาตรฐานยูโร 5ว่า บริษัทรถยนต์ 9 ยี่ห้อ ได้แก่ โตโยต้า , บีเอ็มดับบลิวยู, จีเอ็ม, อีซูซุ, มาสด้า, เมอร์เซเดส-เบนซ์ , มิซซูบิชิ , เอ็มจี , ซูซิกิ ได้ตอบรับกำหนดเวลาบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ในรถยนต์ใหม่ทุกรุ่นทุกคัน ภายในปี 64 เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 และปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทยระยะยาว รวมทั้งจะเร่งรณรงค์ให้ลูกค้าที่ใช้รถยนต์มาตรฐานมาตรฐานยูโร 4 เติมน้ำมันที่ได้มาตรฐานยูโร 5 ที่มีจำหน่ายบ้างแล้วตามสถานีบริการน้ำมันแล้วในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยลดมลพิษโดยเฉพาะฝุ่นละอองกว่า 20 – 25%
“ ตอนนี้การใช้รถยนต์ควรดูแลรักษาที่ถูกต้อง และต้องยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำมันให้เป็นยูโร 5 ซึ่งขณะนี้รถยนต์มาตรฐานยูโร 4 ยังคงมีการปล่อยฝุ่นพีเอ็ม จากไอเสียเครื่องยนต์ที่มีความเข้มข้นกว่ารถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ถึง 5 เท่าตัวโดยในการประชุมหารือ บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่ขานรับนโยบายของภาครัฐรับรู้ว่า แม้การยกระดับมาตรฐานรถยนต์ยูโร 4 ไปเป็นยูโร 5 และยูโร 6โดยเร็ว จะมีต้นทุนการปรับเปลี่ยนและต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่สูงขึ้นก็ตาม เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกค้าและประชาชนไทยทุกคน”
ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีรถยนต์ที่ผ่านมามาตรฐานยูโร 5 ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ได้แก่ อีโค คาร์ รุ่นที่ 2 จำนวน 27 รุ่น และรถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ จำนวน 11 รุ่น รวมทั้งรถยนต์นำเข้า จำนวน 19 รุ่น สำหรับรถยนต์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 6 ได้แก่ รถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ที่ผลิตภายในประเทศ จำนวน 27 รุ่น และรถยนต์นำเข้า จำนวน 84 รุ่น ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 467,000บาท สามารถดูข้อมูลรายละเอียดที่ถูกต้องได้จากป้ายอีโค สติกเกอร์ ที่ติดอยู่บนกระจกรถยนต์ใหม่ ทุกคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การยกระดับมาตรฐานยูโร 4 เป็นยูโร 5 จากเดิมค่ายรถจะเปลี่ยนเป็นยูโร 5 ประมาณปี 67 ซึ่งจะมีต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น เช่น งบประมาณจากงานวิจัย การปรับเปลี่ยนอะไหล่ให้รองรับน้ำมันยูโร 5 ส่วนราคาแต่ละค่ายจะปรับขึ้นเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาคำนวณต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันในตลาด ซึ่งที่ผ่านมาการปรับจากมาตรฐานยูโร 3 ขึ้นมายูโร 4 จะมีต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นแต่มามากนัก เพราะการแข่งขันในตลาดสูง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ผู้ผลิตน้ำมันต้องยกระดับน้ำมันให้เป็นยูโร 5 ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นรถเป็นยูโร 5 แล้ว แต่เติมน้ำมันยูโร 4 ก็ไม่มีประโยชน์
“ ตอนนี้การใช้รถยนต์ควรดูแลรักษาที่ถูกต้อง และต้องยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำมันให้เป็นยูโร 5 ซึ่งขณะนี้รถยนต์มาตรฐานยูโร 4 ยังคงมีการปล่อยฝุ่นพีเอ็ม จากไอเสียเครื่องยนต์ที่มีความเข้มข้นกว่ารถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ถึง 5 เท่าตัวโดยในการประชุมหารือ บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่ขานรับนโยบายของภาครัฐรับรู้ว่า แม้การยกระดับมาตรฐานรถยนต์ยูโร 4 ไปเป็นยูโร 5 และยูโร 6โดยเร็ว จะมีต้นทุนการปรับเปลี่ยนและต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่สูงขึ้นก็ตาม เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกค้าและประชาชนไทยทุกคน”
ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีรถยนต์ที่ผ่านมามาตรฐานยูโร 5 ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ได้แก่ อีโค คาร์ รุ่นที่ 2 จำนวน 27 รุ่น และรถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ จำนวน 11 รุ่น รวมทั้งรถยนต์นำเข้า จำนวน 19 รุ่น สำหรับรถยนต์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 6 ได้แก่ รถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ที่ผลิตภายในประเทศ จำนวน 27 รุ่น และรถยนต์นำเข้า จำนวน 84 รุ่น ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 467,000บาท สามารถดูข้อมูลรายละเอียดที่ถูกต้องได้จากป้ายอีโค สติกเกอร์ ที่ติดอยู่บนกระจกรถยนต์ใหม่ ทุกคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การยกระดับมาตรฐานยูโร 4 เป็นยูโร 5 จากเดิมค่ายรถจะเปลี่ยนเป็นยูโร 5 ประมาณปี 67 ซึ่งจะมีต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น เช่น งบประมาณจากงานวิจัย การปรับเปลี่ยนอะไหล่ให้รองรับน้ำมันยูโร 5 ส่วนราคาแต่ละค่ายจะปรับขึ้นเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาคำนวณต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันในตลาด ซึ่งที่ผ่านมาการปรับจากมาตรฐานยูโร 3 ขึ้นมายูโร 4 จะมีต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นแต่มามากนัก เพราะการแข่งขันในตลาดสูง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ผู้ผลิตน้ำมันต้องยกระดับน้ำมันให้เป็นยูโร 5 ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นรถเป็นยูโร 5 แล้ว แต่เติมน้ำมันยูโร 4 ก็ไม่มีประโยชน์
