ทิสโก้เสิร์ฟกองโกลบอลดิจิตอลเฮลธ์อิควิตี้
เศรษฐกิจ
ทั้งนี้เห็นว่าการลงทุนในธุรกิจที่เป็น “เมกะเทรนด์” จะให้ผลตอบแทนนักลงทุนในระยะยาว โดยกลุ่มธุรกิจ“เทคโนโลยี” และ “เฮลธ์แคร์” จัดเป็นเมกะเทรนด์ใหม่ของโลกในขณะนี้ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง หากพิจารณาโอกาสการเติบโตในกลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งได้รับประโยชน์โดยตรงจากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะที่ธุรกิจเทคโนโลยีได้เข้าไปแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์และอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งอุตสาหกรรมการแพทย์ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยสร้าง “นวัตกรรม” ในการป้องกันการเจ็บป่วยและรักษาสุขภาพให้กับคนทุกเพศทุกวัย
“กองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กประมาณ 40-60 ตัว มีจุดเด่นตรงที่บริษัทขนาดกลางและเล็กจะมีการเติบโตของรายได้ในอัตราที่สูง กองทุนหลักจะใช้วิธีเลือกหุ้นโดยดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ และบริษัทนั้นต้องมีรายได้จากการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจมากกว่า 50% ของรายได้รวม”
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน 4 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท Teladoc ผู้พัฒนาแพลทฟอร์มให้คนไข้สามารถพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ และรับใบสั่งยาจากแพทย์เพื่อนำไปซื้อยาต่อได้ทันที บริษัท Bio Telemetry ผู้ผลิตอุปกรณ์แปะติดกับร่างกายเพื่อเก็บข้อมูลตรวจวัดหัวใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา บริษัท Medidata Solution บริษัทรับทำงานวิจัยให้กับบริษัทยาชั้นนำ และ บริษัท Dexcom ผู้ผลิตอุปกรณ์วัดน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน รายงานผลแบบเรียลไทม์ บนหน้าจอมือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ลงทุนในกองทุนนี้ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเงินให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ สำหรับเป็นทุนในการรักษาผู้ป่วยและกิจกรรมอื่นๆ ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยทุกๆ การซื้อกองทุน TGHDIGI มูลค่ารวม 1 แสนบาท ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ถึงวันที่ 31 ต.ค. ทิสโก้จะบริจาคค่าธรรมเนียมการขายกองทุน 100 บาทให้กับกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ