ข่าวหวังเบิกจ่ายงบดึงลงทุนช่วงเปลี่ยนผ่านการเมือง - kachon.com

หวังเบิกจ่ายงบดึงลงทุนช่วงเปลี่ยนผ่านการเมือง
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s

นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า  เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโต 4.1%   เพราะเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณจะชะลอตัวลง โดย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกจากเดิม 3.7% เหลือ 3.5% นักวิเคราะห์เริ่มให้คำเตือนถึงโอกาสการเกิดเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession โดยผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ในเดือนม.ค. ให้โอกาสการเกิดถดถอยในสหรัฐฯ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าที่ 26% เพิ่มขึ้นมากจากระดับ 14% ในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างชัดเจน การส่งออกของไทยจึงมีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน  โดยภาคอุตสาหกรรมมีแรงปะทะมากขึ้น จากการเก็บภาษีนำเข้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้น เห็นได้จากการชะลอคำสั่งซื้อจากคู้ค้าในประเทศจีน กำลังซื้อของประเทศตลาดเกิดใหม่รวมถึงอาเซียนที่อาจชะลอตาม ดังนั้นผู้ประกอบการควรเตรียมตัวกับยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มลดลง การแข่งขันด้านราคาที่น่าจะเพิ่มขึ้น

" ความเสี่ยงหลักในช่วง 6 เดือนข้างหน้า มาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และหากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯยังไม่มีทางออกที่ดี จะเป็นปัจจัยกดดันภาคอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรก การใช้นโยบายรัฐช่วยพยุงเศรษฐกิจยังมีความจำเป็น ความต่อเนื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณด้านการลงทุนของภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง"

ทั้งนี้มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่  1.75%ต่อปี ในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อพิจารณาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสงครามการค้า การปรับตัวของตลาดเงินและตลาดทุน หลังเฟดส่งสัญญาณว่าจะระมัดระวังการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง จนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว รวมทั้งมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV limit) ที่จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนเม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม หากผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ไม่รุนแรง คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2%ต่อปี ในช่วงครึ่งปีหลัง