ข่าวธ.ก.ส.ยอมเฉือนเนื้ออุ้มเกษตรกร ปี61กำไรหดพันล้าน - kachon.com

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงทิศทางผลดำเนินงานของธนาคารในปีบัญชี 61ซึ่งจะครบกำหนดสิ้นเดือนมี.ค.62ว่า ประเมินว่าจะมีกำไรอยู่ที่ 8 พันกว่าล้านบาท ลดลง 1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 9 พันล้านบาท เนื่องจากธนาคารได้นำกำไรบางส่วนไปช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลกว่า 4 ล้านราย วงเงินรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งโครงการพักชำระเงินต้น 3 ปี และลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรอีก 1 ปี 3.81 ล้านครัวเรือน รวมมาตรการชำระดีมีคืนให้แก่เกษตรกร อีก 3 แสนราย วงเงิน 3 พันกว่าล้านบาท

“อย่างไรก็ตามเรื่องกำไรที่ลดลงเป็นสิ่งที่ธนาคารคาดไว้แล้ว และที่สำคัญธ.ก.ส.ไม่ได้วางเป้าหมายการทำกำไรสูงสุดเป็นตัวชี้วัด เพราะภารกิจของธนาคารคือการเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรดีขึ้น เพียงแต่การทำกำไรต้องทำให้เพียงพอเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ฝากเงิน เพียงพอคืนรัฐบาลจำนวนหนึ่งเพื่อให้ผู้ถือหุ้น รวมถึงมีกำไรส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความกำลังใจแก่พนักงาน”

สำหรับแนวโน้มสินเชื่อตลอดปี 61 คาดจะโตต่ำกว่าเป้าหมายเช่นกัน โดยเดิมคาดสินเชื่อคงค้างจะขยายตัวได้ 93,000 ล้านบาท  แต่เมื่อถึงสิ้นปีน่าจะขยายตัวได้ 85,000 ล้านบาทเนื่องจากมีการพักหนี้ช่วยเหลือเกษตรกร สำหรับการดูแลหนี้เสียของธนาคารในปีนี้ทำได้ดีตามเป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันหนี้เสียอยู่ที่ 4.3% และคาดว่าเมื่อสิ้นสุดเดือนมี.ค.จะลดเหลือ 4% เนื่องจากธนาคารมีการพักชำระหนี้เงินต้นให้ อีกทั้งเกษตรกรยังรักษาวินัยการเงินได้ดี เข้ามาผ่อนชำระดอกเบี้ยเป็นปกติถึง 90% ส่วนเงินฝากก็เติบโตได้ตามเป้าหมาย 57,500 ล้านบาท ขยายตัว 4% จากปีก่อน





นายอภิรมย์กล่าวว่า ปี 62 ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 95,000 ล้านบาท โดยลูกค้าจะเน้นเติบโตในกลุ่มลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ลูกค้าชุมชน และสหกรณ์ ส่วนกลุ่มเกษตรจะเน้นปล่อยกู้เพื่อปรับเปลี่ยนการผลิต โดยใช้ดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อจูงใจให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนอาชีพระหว่างมีการพักชำระหนี้ โดยสัดส่วนของวงเงินกู้ในปี 62 จะปล่อยกู้ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ 50% กลุ่มเกษตรกรทั่วไป 30%  และกลุ่มเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย  20% ขณะเดียวกันมีแผนระดมเงินฝาก และออกสลากออมทรัพย์เข้ามาเพิ่มด้วย โดยปี 62 จะมีเงินฝากเข้ามาเพิ่มประมาณ 60,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธ.ก.ส.จะเน้นทำโครงการ โก กรีน อาหารปลอดภัยจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค ด้วยโครงการสร้างความเข้มแข็งระดับครัวเรือน หรือโครงการ 459 ซึ่งนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ มีความหมายว่าเดินออก จากบ้าน 4 - 5 ก้าว ก็มีอาหารปลอดภัยไว้กิน ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และเมื่อมีผลผลิตเหลือบริโภค สำหรับโครงการนี้ธ.ก.ส.เริ่มไปแล้ว ใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง จำนวน 27 ชุมชน ซึ่งบางชุมชน สามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายได้ที่ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้มีแผนร่วมกับ อ.ส.ม. เพื่อ ตรวจสารพิษในร่างกายของเกษตรกรและตรวจสาร ตกค้างในผลผลิต อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.จะต่อยอดชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่ต้องการผลิต อาหารปลอดภัย 315 ชุมชน ที่ธ.ก.ส.ให้การสนับสนุนให้มีการผลิตที่ ได้มาตรฐานต่างๆ ได้แก่ มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (แกป) เป้าหมายเกษตรกร 2,000 ราย 200 ชุมชน มาตรฐานการ ตรวจรับรองคุณภาพแบบมีส่วน ร่วมของชุมชน(พีจีเอส) เป้าหมายเกษตรกร 1,500 ราย 150 ชุมชน และมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์ไทย เป้าหมายเกษตรกร 500 ราย 50 ชุมชน รวมถึงสนับสนุนทายาทเกษตรกรให้มีการรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายผู้ผลิตอาหารปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์