'บางจาก'พร้อมรุกกลยุทธ์ ดันธุรกิจในกลุ่มเติบโตก้าวสู่ปีที่35
เศรษฐกิจ
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท บางจากฯ ที่ดำเนินการขยายแหล่งรายได้ ซึ่งส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 แต่กำไรที่ปรับตัวลดลงนั้นเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีความผันผวนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างมาก ประกอบกับธุรกิจโรงกลั่นมีอัตราการผลิตลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงกลั่นมี EBITDA 3,928 ล้านบาท มีอัตราการผลิตเฉลี่ยทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ 102,390 บาร์เรลต่อวัน มีสถิติอัตราการผลิตเฉลี่ยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 123,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนมีนาคม
สำหรับค่าการกลั่นพื้นฐานอยู่ที่ 7.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมี Inventory Loss จำนวน 1,489 ล้านบาท (รวมรายการค่าเผื่อการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ (LCM) 689 ล้านบาท) จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2561 ขณะที่ในปี 2560 มี Inventory Gain จำนวน 834 ล้านบาท
ด้านธุรกิจการตลาด มี EBITDA 2,177 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 5,945 ล้านลิตร ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในส่วนของตลาดอุตสาหกรรมเป็นผลมาจากภาวะการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นและการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ทำให้ปริมาณผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ผลิตได้น้อยลง ขณะที่ตลาดค้าปลีกที่เป็นช่องทางหลักมีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายจำนวนสถานีบริการ โดยมีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน ณ สิ้นปี 2561 ทั้งสิ้น 1,175 สาขา มีการเปิดสถานีบริการใหม่เพิ่มขึ้น 74 สาขา ภายใต้ประสบการณ์ Greenovative Experience รวมถึงได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อผลักดันยอดขายผ่านโปรแกรมการตลาดต่างๆ เช่น บัตรสมาชิกรูปแบบใหม่ “บางจากกรีนไมล์” ที่สามารถสะสมคะแนนทุกผลิตภัณฑ์น้ำมัน รวมทั้งสินค้าและบริการในเครือบางจาก พร้อมทั้งการพัฒนาระบบบัตรสมาชิกในรูปแบบ Digitized Loyalty Program ควบคู่ไปกับ Bangchak Mobile Application พร้อมทั้งเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจ Non-Oil และบริการต่างๆ ในสถานีบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2561 มีจำนวนร้านอินทนิลทั้งสิ้น 523 สาขา และร้าน SPAR 45 สาขา ภายใต้การดูแลของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการอยู่ในอันดับที่ 2 อย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งการตลาดสะสมทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 15.8 ด้านค่าการตลาดสุทธิใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากในช่วงกลางปีได้รับผลกระทบจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐฯ เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการภาคการขนส่งในภาวะราคาน้ำมันขาขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในช่วงสิ้นปีทำให้ค่าการตลาดปรับชดเชย
ธุรกิจผลิตไฟฟ้าภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 3,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีรายได้ 3,320 ล้านบาท
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด มี EBITDA รวม 692 ล้านบาท โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลมีรายได้จากการขาย 6,186 ล้านบาท และธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล รายได้จากการขาย 3,602 ล้านบาท
ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA รวม 117 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 407,964 บาร์เรล และมีรายได้จากการขาย 963 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 36 เนื่องจากไม่มีปริมาณการจำหน่ายจากแหล่งน้ำมันดิบ Galoc ในครึ่งปีหลังของปี 2561 เนื่องจากการขายหุ้นใน Nido Production (Galoc) Pty. Ltd.
สำหรับในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 35 ในปี 2562 บริษัท บางจากฯ ยังคงมุ่งมั่นพร้อมนำนวัตกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลุ่มธุรกิจของบางจากฯ ตลอดจนสร้างสรรค์ธุรกิจพลังงานที่มีอยู่อย่างมีคุณค่า พัฒนาพลังงานทดแทนและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ เป็นการพัฒนาจากฐานเกษตรกรรมสู่นวัตกรรม เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตต่อไป