คมนาคมเพิ่มรถเมล์ 3 เส้นทางท่องเที่ยวเมืองกรุง
เศรษฐกิจ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการรองปลั ดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุ มการขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุ มการขนส่งทางบกกลาง เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมามีมติอนุมัติ การเดินรถเส้นทางใหม่เป็ นวงกลมใน 3 เส้นทาง เพื่อสนับสนุนการเดินทางของนั กท่องเที่ยวในกรุงเทพฯให้ได้รั บความสะดวก เข้าถึงแหล่งท่องเที่ ยวในกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ 1. เส้นทางสนามหลวง-เยาวราช-ศูนย์ การค้าสยามเซ็นเตอร์ 2. เส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ- ประตูน้ำ-ศูนย์การค้าสยามเซ็ นเตอร์ และ3.เส้นทางท่าน้ำสี่พระยา- สาทร-ศูนย์การค้าสยาม โดยรถแต่ละเส้นทางจะผ่านจุดเชื่ อมต่อไปสู่ระบบขนส่ งสาธารณะโหมดอื่นๆ ได้ อาทิ รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สถานีหัวลำโพง สถานีสามย่าน ,รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยามเซ็นเตอร์ สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ,เรือโดยสารคลองแสนแสบท่าเรื อประตูน้ำ ท่าเรือผ่านฟ้า เรือข้ามฟากท่าเรือพระอาทิตย์ ท่าเรือพระจันทร์ ,เรือด่วนเจ้าพระยาท่าเรื อมหาราช ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสาทร เป็นต้น
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า สำหรับรถที่จะนำมาให้บริ การจะเป็นรถโดยสารปรับอากาศ มีอัตราค่าโดยสารเที่ยวละ 30 บาท และตั๋ววันในราคา 70 วันสามารถใช้บริการได้ทั้ง 3 เส้นทาง โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยว โดยมีประมาณการณ์ผู้โดยสารในแต่ ละเส้นทาง ดังนี้ เส้นทางที่ 1 ประมาณ 1,600 คนต่อวัน เส้นทางที่ 2 ประมาณ 1,200 คนต่อวัน และเส้นทางที่ 3 ประมาณ 1,600 คนต่อวัน ทั้งนี้ที่ประชุมได้มอบให้องค์ การขนส่งมวลชนกรุงเทพ( ขสมก.)ไปจัดทำแผนการเดินรถให้ เพียงพอต่อความต้องการของผู้ โดยสาร และให้นำกลั บมาเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่ งทางบกกลางพิจารณาอนุมัติโดยเร็ วที่สุดก่อนจะเปิดให้บริการต่ อไป อย่างไรก็ตามที่ประชุมมีข้อสั งเกตให้ขสมก.ไปจัดหารถที่มี สภาพดีมาให้บริการ มีรูปแบบและสีสันสะดุดตาแตกต่ างจากรถโดยสารทั่วไปอย่างชัดเจน รวมถึงผู้ขั บรถและคนประจำรถควรมีความรู้ ภาษาอังกฤษ และจีน เพื่อสื่อสารกับนักท่องเที่ ยวได้
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็ นชอบแผนการปฏิรู ปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุ งเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้ นทางต่อเนื่อง ตามที่กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เสนอ แต่การออกใบอนุญาตประกอบการขนส่ งให้คงใช้เส้นทางเดิ นรถตามโครงข่ายเดิมไปก่อน จำนวน 208 เส้นทางไปก่อน เนื่องจากหากมีการปรับเส้ นทางใหม่จะส่งผลกระทบต่ อประชาชนอย่างมาก เพราะอาจสร้างความสั บสนจากการปรับเปลี่ยนชื่ อและแนวเส้นทาง และอาจทำให้ผู้ใช้บริการต้ องชำระค่าโดยสารเพิ่มขึ้ นจากการตัดเส้นทางให้สั้นลง ขณะที่ผู้ประกอบการอาจเสียสิทธิ ในการเดินรถเนื่องจากเส้นทางถู กยุบ ส่งผลให้ต้องจัดหาสถานที่เก็บซ่ อมและบำรุงรักษารถ จัดหาที่พักรถใหม่ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนจุดต้ นทางหรือปลายทาง โดยแบ่งกลุ่มผู้ประกอบการที่ เดินรถในปัจจุบันได้ 6 กลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มที่ ขสมก.เดินรถเอง 88 เส้นทาง 2. กลุ่มที่มีรถร่วมเอกชนรายเดียว 59 เส้นทาง 3. กลุ่มที่ ขสมก.เดินรถกับรถร่ วมเอกชนรายเดียว 8 เส้นทาง 4.กลุ่มที่ ขสมก.เดินรถร่วมกับรถร่ วมเอกชนหลายราย 21 เส้นทาง 5. กลุ่มที่รถร่วมเอกชนเดินรถร่ วมกันหลายราย 31 เส้นทาง และ 6 กลุ่มเส้นทางใหม่ที่ยังว่างผู้ ประกอบการ 1 เส้นทาง
นายจิรุตม์ กล่าวว่า สำหรับการขอรับใบอนุ ญาตประกอบการขนส่ง นั้น รถในกลุ่มที่มีสัญญาอยู่กั บขสมก.ให้ ขสมก.ไปพิจารณาสิทธิในการเดิ นรถว่าจะให้กับใคร เพื่อแจ้ง ขบ.เพื่อให้ออกใบอนุญาตให้ตามนั้ น ส่วนกลุ่มอื่นให้เจรจากันและแจ้ งไปยังขบ.ว่าจะให้ออกใบอนุ ญาตให้ผู้ประกอบการรายใด อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดการปฏิ รูปที่ชัดเจน ที่ประชุมได้กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขสำคัญในการขอรั บใบอนุญาตฯ ได้แก่ คุณสมบัติผู้ยื่นขอต้องเป็ นไปตามที่กฎหมายกำหนด และตัวรถต้องเป็นรถใหม่หรือรถที่ มีอายุไม่เกิน 2 ปี ซึ่งจะต้องมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 70%ของจำนวนรถที่บรรจุในเส้ นทางนั้นภายในระยะเวลา 2 ปี หากทำไม่ได้ต้ องออกจากระบบและจะประกาศหาผู้ ประกอบการรายใหม่เข้ามาแทน ทั้งนี้ภายใน 2 ปีที่อยู่ระหว่างการจัดหารถใหม่ ต้องนำเสนอแผนการปรับปรุงตั วรถให้ขบ.พิจารณา เช่น การติดตั้งจีพีเอสในรถทุกคัน และแผนปลอดภัย เป็นต้น ทั้งนี้ ขสมก.และผู้ประกอบการต้ องทยอยขอใบอนุญาตฯใหม่โดยเร็ว เพราะใบอนุญาตในแต่ละเส้ นทางทยอยหมดอายุลงแล้ว
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า สำหรับรถที่จะนำมาให้บริ
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็
นายจิรุตม์ กล่าวว่า สำหรับการขอรับใบอนุ