การยาสูบฯ นำร่อง ปลูกกัญชาไทยเป็นสารสกัดในโรงพยาบาล
เศรษฐกิจ
“ภายใต้กฎหมายใหม่ ที่เปลี่ยนจากโรงงานยาสูบ เป็น นิติบุคคล ภายใต้ชื่อ ยสท. ทำให้ ยสท.สามารถทำธุกิจอื่นได้เพิ่มขึ้น ซึ่งในแผนก็มีความพร้อมจะเป็นหน่วยงานสนับสนุนการปลูกกัญชา-กัญชง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์และเวชภัณฑ์ ในส่วนขอบต้นน้ำ และปลายน้ำ โดยต้นน้ำจะดูแลตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูก กระบวนการผลิต ซัพพลายเออร์ เพื่อส่งไปให้หน่วยงานทำการสกัดแปรรูป และนำร่องใช้กัญชากับ โรงพยาบาลของ ยสท. ส่วนกัญชงขณะนี้กำลังศึกษานำกัญชงสายพันธุ์ต่างชาติ เพื่อมาสกัดเป็นเวชภัณฑ์ และเวชสำอางค์”
น.ส.ดาวน้อยกล่าวว่า แผนดำเนินธุรกิจหลังการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ 40% ยสท.จะทำ 2 ด้านคู่ขนานกัน คือการเสนอข้อมูลให้รัฐบาลพิจารณาขยายเวลาบังคับใช้การเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ในอัตรา 40% ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.62 นี้ออกไปก่อน เพราะถ้าไม่มีการขยายเวลา ก็จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาสูบลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากทำให้บุหรี่ของ ยสท. แพงขึ้น เป็นไม่ต่ำกว่า 93 บาทต่อซอง หรือเพิ่มขึ้นอีก 33 บาทต่อซอง เนื่องจากเนื้อภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 78 บาทต่อซอง และแม้ราคาจะแพงขึ้น ผู้บริโภคก็ไม่เลิกสูบ แต่จะไปสูบบุหรี่เถื่อนและยาเส้นมากขึ้น
“ถ้ารัฐไม่เลื่อนใช้ภาษี คาดว่า สัดส่วนในตลาดทั้งบุหรี่ไทยและนำเข้า กว่า 3.2 หมื่นล้านมวนต่อปี ก็จะลดลงเหลือ 1.9 หมื่นล้านมวน ขณะที่ของ ยสท. จากกำลังการผลิต 1.9 หมื่นล้านมวนก็จะเหลือแค่ 8,500 พันล้านมวนต่อปี ซึ่ง ยสท.จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ นอกจากขายบุหรี่ เราก็ต้องทำธุรกิจอื่นโดยมั่นใจว่าแม้จะได้รับผลกระทบจากภาษี 40% แต่การยาสูบก็จะกลับมาแข็งแกร่งทำกำไรได้ภายใน 3 ปี ที่ 2-3 พันล้านบาท”
สำหรับแผนธุรกิจอื่นของการยาสูบ เบื้องต้นจะดำเนินการใน 5 แนวทาง อาทิ การดำเนินการขายยาเส้นและใบยา ซึ่งขณะนี้ ยสท.มีสต็อกที่รับซื้อจากเกษตรกร เพียงพอใช้ได้ถึงปี 66 และขณะนีเกำลังทยอยขายลดสต็อกได้ไปแล้วกว่า 6 เดือน ซึ่งต้องค่อยๆทยอยดำเนินการ เพราะส่วนใหญ่เป็นใบยาที่รับซื้อมาในต้นทุนแพง เฉลี่ยบวกเพิ่ม 24 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถขายต่ำกว่าต้นทุนได้
นอกจากนี้จะเร่งนำบุหรี่ไปขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ ยสท.ปรับโครงสร้างใหม่ มีฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด เน้นทำงานเชิงรุกเพิ่มขึ้นอีก 3-4 กอง ในการส่งออกบุหรี่ที่มีอยู่เดิม รวมทั้งคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ไปขายในต่างประเทศ รวมถึงวางแผนการทำยาเส้นขายเอง และร่วมลงทุนกับบริษัทต่างประเทศ ในกระบวนการผลิตยาสูบ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับบริษทเอกชนในเวียดนามที่จะให้ ยสท.เข้าไปร่วมผลิตบุหรี่ เพื่อจำหน่าย