'สมคิด'จวกข้าราชการเกียร์ว่างรอเลือกตั้ง
เศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง เห็นได้จากเศรษฐกิจไทยปี 61 ปีที่ผ่านมาเติบโต 4.1% มีเงินสำรอง 2.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หนี้สาธารณะกว่า 40% เงินเฟ้อ 1% ดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลชำระเงินเกินดุล ปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 3 ไตรมาส 8.7 ล้านล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 11% กำไรบริษัทจดทะเบียนในตลท. 8 แสนกว่าล้านบาท เติบโต 16% กำไรสุทธิ 7 แสนกว่าล้านบาท
ทั้งนี้ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกและท่ามกลางการส่งออกที่ถดถอยเช่นนี้ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังโตได้ขนาดนี้แสดงว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี ถ้าแบบนี้ไม่ดีแล้วอย่างไรจึงเรียกว่าดี ลองนึกย้อนไป 10 ปีที่ผ่านมามีอะไรดีบ้าง ที่ผ่านๆ มาทำอะไรถึงจะได้เท่านี้ เรามัวเสียเวลาตีกันตั้ง 6-7 ปี นี่เป็นครั้งแรกธนาคารโลก (เวิล์ดแบงก์) ชมเชยเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดี มีความสมดุลสามารถประคับประคองภาคส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะต้านปัจจัยลบได้
นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจัยเหล่านี้จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินต้องไหลเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่องเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน เช่น เวียดนามที่สู้ไทยไม่ได้อยู่แล้ว ถามว่าใครปั่นให้ค่าเงินแข็งค่าหรือไม่ ไม่ใช่ แต่ค่าเงินบาทสะท้อนความเข้มแข็งของพื้นฐานเศรษฐกิจไทย เพราะไทยมีความสงบและมีเสถียรภาพเป็นสวรรค์ของนักลงทุน โดยขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนอยู่แล้ว แต่ปรากฎว่าผู้ประกอบการไม่ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แบบนี้จะให้ ธปท. แทรกแซงเช่นนั้นหรือ? ต้องยอมรับว่าได้อย่างก็เสียอย่าง จะได้ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย
“ถ้าเรามัวแต่บอกว่าค่าเงินบาทถูก แต่ไม่ปรับปรุงประสิทธิภาพ ไม่ปรับเปลี่ยน ไม่พัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ ไม่ได้ หน้าที่ของ ส.อ.ท.ไม่ใช่ต่อรองรัฐบาล แต่จะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมของประเทศเปลี่ยนแปลงไปสู่ 4.0 ต้องไปหาทางร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาช่องทางและเครื่องไม้เครื่องมือ แต่ถ้าคิดมีเดินขบวนเผาเมืองเมื่อไหร่ รับรองว่าเงินบาทได้กลับไป 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแน่นอน เอาไหมล่ะ”