เปิดหลักสูตรรับตัดแต้มใบขับขี่
เศรษฐกิจ
นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก(ฉบับที่....) พ.ศ.... เพื่อแก้ไขสาระว่าด้วยหลักเกณฑ์การออกใบสั่งสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรที่กำหนดให้ใช้การบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับขี่ รองรับการใช้ใบขับขี่แบบอิเล็กทรอนิกส์(ใบขับขี่ดิจิทัล) ว่า ขบ. ได้หารือตำรวจบ้างแล้วเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับระบบการตัดแต้มใบขับขี่และระบบการคืนแต้มใบขับขี่ ที่ต้องให้ผู้กระทำผิดเข้ามาอบรมที่กรมฯตามกฎหมาย โดยจัดหลักสูตรอบรมให้ผู้กระทำผิดรวมทั้งหลักเกณฑ์ให้โรงเรียนเอกชนสอนขับรถอบรมแทนด้วย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ต้องส่งข้อมูลมายังกรมฯ เพื่อให้การทำงานเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน
สำหรับหลักสูตรเพิ่มเติมที่จะจัดอบรมภาคทฤษฎีประมาณ3-4 ชม. อาทิ กฎจราจร มารยาทการขับขี่ข้อกำหนดตามกฎหมายต่างๆ ไม่ขับด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ไม่โทรศัพท์ขณะขับรถ และการขับรถที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุตลอดจนกฎเกณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ อาทิ ไม่ดูแลสภาพรถให้ดีหรือรถมีควันดำ
นายกมล กล่าวต่อว่า ส่วนการอบรมภาคปฎิบัติ ผู้กระทำผิดขับรถเป็นอยู่แล้ว เพียงแต่กระทำผิดกฎจราจรจึงไม่ใช่อบรม เพื่อขอใบขับขี่ใหม่ ดังนั้นต้องอบรมผู้กระทำผิดในหัวข้อต่างๆเพิ่มเติมตามฐานกระทำผิด ซึ่งกรมฯจะวางกรอบให้ทางโรงเรียนเอกชนสอนขับรถนำไปใช้อบรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและต้องมีค่าใช้จ่ายไม่แพงจนเกินไป ต่อไปตำรวจจะไม่ยึดใบขับขี่และสามารถเรียกตรวจใบขับขี่ดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น DLT Smart Licence บนโทรศัทพ์มือถือสมาร์ทโฟนได้ กรมฯกำลังพิจารณาลักษณะการวางรูปแบบภาพถ่ายใบขับขี่ให้ตำรวจตรวจสอบได้ง่ายและนำไปปฎิบัติต่อได้
ด้านพล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษา สตช. ในฐานะคณะทำงานแก้ปัญหาจราจร เปิดเผยว่า กำลังประมวลเรื่องเสนอ พล.ต.ท. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ดูแลงานด้านการจราจร เพื่อตั้งคณะทำงานยกร่างอนุบัญญัติประมาณ 8 ฉบับเพื่อยกร่างใหม่แก้ไขเพิ่มเติม โดย 8ฉบับ ประกอบกอบด้วยเรื่องหลักๆ อาทิการตัดแต้มใบขับขี่ ผู้ขับขี่จะมีคนละ 12 คะแนน เบื้องต้นแบ่งความผิดเป็น 3 ระดับคือ ระดับที่ 1 ความผิดกระทบต่อตนเองและสาธารณะเล็กน้อย ตัด 1 แต้ม เช่นไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัด ใช้โทรศัพท์ขับรถ และ ขับรถเร็ว ระดับที่ 2 กระทบสาธารณะปานกลางตัด 2 แต้ม เช่น ผ่าไฟแดง และขับรถย้อนศร และ ระดับที่ 3 กระทบสาธารณะรุนแรง ตัด 3แต้ม เช่น เมาแล้วขับ เสพยาเสพติด และ ขับชนแล้วหนี สามารถกำหนดข้อหาเพิ่มได้แต่ต้องประชุมเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวต่อว่า หากคะแนนถูกตัดทั้งหมด ต้องพักใช้ใบขับขี่ 90วันก่อน ทั้งนี้ภายใน 3 ปีถูกพักใช้ใบขับขี่เกินกว่า 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 จะถูกพักใช้ 1 ปีขณะเดียวกันหากกระทำผิดครั้งที่ 3 แล้วยังอยู่ในระยะควบคุมความประพฤติ 1 ปีถ้ากระทำผิดจะถูกพักใช้เป็นครั้งที่ 4 และจะถูกเพิกถอนใบขับขี่ส่วนการคืนคะแนนนั้น หากคะแนนถูกตัดไป 8 แต้ม เหลือไม่เกิน 4 แต้มต้องขออบรมและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบรมเอง โดยต้องอบรมที่ขบ.หรือโรงเรียนสอนขับรถที่ขบ. ให้การรับรอง จากนั้นต้องสอบให้ผ่านถึงจะได้รับแต้มคืน ซึ่งเนื้อหาที่จะหารือกับ ขบ. อีกครั้งเบื้องต้นคาดว่าต้องเกี่ยวกับการขับรถ ความปลอดภัย และวินัยจราจร
นอกจากนี้กฎหมายดังกล่าวจะมีเรื่องยกเลิกการเรียกเก็บใบขับขี่และแสดงใบขับขี่แบบดิจิทัลได้ จะพยายามยกร่างกฎหมายให้เสร็จแล้วภายในเดือน มี.ค. 62 จากนั้นจะทำประชาวิจารณ์ช่วง ต้น เม.ย.62 เพื่อรวบรวมความเห็นเสนอผบ.ตร. ประกาศใช้ ซึ่งกฎหมายมีผลบังคับใช้ภายใน120 วันนับจากวันที่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้แน่นอน