ตลาดหุ้นไทยฟื้น!แรงซื้อพลังงาน-แบงก์หนุน
เศรษฐกิจ
Webmaster
2019-02-27 17:25:00
11
Webmaster
2019-02-27 17:25:00
11
-
สนับสนุนเนื่อหา
นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชียพลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,665.27 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด หรือ 0.10 % โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,668.61 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,659.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52,569.99 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเล็กน้อย หลังจากระหว่างวันดัชนีแกว่งอยู่แดนบวกและแดนลบ โดยจุดต่ำสุดและสูงสุดห่างกันไม่ถึง 10 จุด เนื่องจากรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 มี.ค.นี้
ส่วนมูลค่าซื้อขายหนาแน่น โดยกลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นมาได้แรงหนุนจากพลังงานและปิโตรเคมีฟื้นตัว ทั้ง PTT,PTTEP,IVL และหุ้นแบงก์ โดยเฉพาะ TCAP บวก 5.63% TMB บวก 2.63% หลังจากควบรวมกัน ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกย่อตัว เช่น CPALL,BJC และกลุ่มสื่อสารย่อตัว เช่น DTAC
สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปิดกระจัดกระจายมีทั้งบวกและลบสลับกัน เช่น ญี่ปุ่นบวก 0.5% จีนบวก 0.42% และเกาหลีใต้ 0.37% และตลาดหุ้นที่ลง เช่น กลุ่ม TIP
ฟิลิปปินส์ 1.24% อินโดนีเซีย 0.23% ฮ่องกง 0.05% ส่วนบ้านเราประเด็นการเมืองลุ้นอีกทีในสัปดาห์หน้า แต่ต่างประเทศมี 2-3 ประเด็น โดยติดตามประธานเฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฏรของสหรัฐฯในวันนี้ เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยอาจจะปรับขึ้น 1 ครั้งในปีนี้ และการหารือลดขนาดงบดุลอาจไม่ฮวบฮาบเหมือนที่ผ่านมา เพราะกังวลในด้านเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงการเจรจาผู้นำสหรัฐกับเกาหลีเหนือวันนี้วันแรก และรอดูผลสรุปพรุ่งนี้คืบหน้าหรือไม่ รวมถึงการลงนามเอ็มโอยูระหว่างสหรัฐกับจีนใกล้กำหนดขีดเส้นตายขึ้นภาษี 1 มี.ค.นี้ ต้องดูว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐขยายเวลาการขึ้นภาษีจีนอีกกี่วัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มพรุ่งนี้ดัชนีเริ่มจะยืนอยู่ได้แนวรับ 1,660 จุด แนวต้าน 1,670 จุด จะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ เพราะต้องรอดูการประกาศงบไตรมาส 4 อาจเกิดเซลออนแฟลคท์ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนหลายกลุ่มทรงตัว แต่หุ้นตัวไหนมีข่าวจะถูกจุดพลุขึ้นมาหากลงทุนต้องระวัง แต่ถ้าลงทุนระยะยาวเน้นหุ้นปันผลสูง เพราะใกล้ขึ้นเครื่องหมาย XD เน้น 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก อสังหาริมทรัพย์ เช่าซื้อลีสซิ่ง และแบงก์ ส่วนกลุ่มอื่นเช่น รับเหมาก่อสร้าง และราคาแลกการ์ดกว่าตลาด
ส่วนมูลค่าซื้อขายหนาแน่น โดยกลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นมาได้แรงหนุนจากพลังงานและปิโตรเคมีฟื้นตัว ทั้ง PTT,PTTEP,IVL และหุ้นแบงก์ โดยเฉพาะ TCAP บวก 5.63% TMB บวก 2.63% หลังจากควบรวมกัน ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกย่อตัว เช่น CPALL,BJC และกลุ่มสื่อสารย่อตัว เช่น DTAC
สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปิดกระจัดกระจายมีทั้งบวกและลบสลับกัน เช่น ญี่ปุ่นบวก 0.5% จีนบวก 0.42% และเกาหลีใต้ 0.37% และตลาดหุ้นที่ลง เช่น กลุ่ม TIP
ฟิลิปปินส์ 1.24% อินโดนีเซีย 0.23% ฮ่องกง 0.05% ส่วนบ้านเราประเด็นการเมืองลุ้นอีกทีในสัปดาห์หน้า แต่ต่างประเทศมี 2-3 ประเด็น โดยติดตามประธานเฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฏรของสหรัฐฯในวันนี้ เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยอาจจะปรับขึ้น 1 ครั้งในปีนี้ และการหารือลดขนาดงบดุลอาจไม่ฮวบฮาบเหมือนที่ผ่านมา เพราะกังวลในด้านเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงการเจรจาผู้นำสหรัฐกับเกาหลีเหนือวันนี้วันแรก และรอดูผลสรุปพรุ่งนี้คืบหน้าหรือไม่ รวมถึงการลงนามเอ็มโอยูระหว่างสหรัฐกับจีนใกล้กำหนดขีดเส้นตายขึ้นภาษี 1 มี.ค.นี้ ต้องดูว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐขยายเวลาการขึ้นภาษีจีนอีกกี่วัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มพรุ่งนี้ดัชนีเริ่มจะยืนอยู่ได้แนวรับ 1,660 จุด แนวต้าน 1,670 จุด จะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ เพราะต้องรอดูการประกาศงบไตรมาส 4 อาจเกิดเซลออนแฟลคท์ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนหลายกลุ่มทรงตัว แต่หุ้นตัวไหนมีข่าวจะถูกจุดพลุขึ้นมาหากลงทุนต้องระวัง แต่ถ้าลงทุนระยะยาวเน้นหุ้นปันผลสูง เพราะใกล้ขึ้นเครื่องหมาย XD เน้น 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก อสังหาริมทรัพย์ เช่าซื้อลีสซิ่ง และแบงก์ ส่วนกลุ่มอื่นเช่น รับเหมาก่อสร้าง และราคาแลกการ์ดกว่าตลาด
