หุ้นไทยร่วงกังวลสารพัดปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ
เศรษฐกิจ

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชียพลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,653.48 จุด ลดลง 11.79 จุด หรือ 0.71 % ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,666.74 จุด และต่ำสุดที่ 1,652.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,035.86 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดลบตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มTIP ลงแรง เช่น ฟิลิปปินส์ลบ 2.33% อินโดนีเซียลบ 1.26% เกาหลีใต้ลบ 1.76% ญี่ปุ่นลบ 0.79% และจีนลบ 0.44% ทั้งนี้เป็นผลมาจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น การประกาศตัวเลขพีเอ็มไอของจีนออกมาไม่ดี การเจรจาระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายคิม จอง อึน ผู้นำของเกาหลีเหนือยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจนผิดจากที่ตลาดคาดหมายไว้เป็นตัวกดตลาด รวมถึงความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถาน

สำหรับกลุ่มที่ปรับตัวลง เช่น พลังงาน สวนทางน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง เช่น PTT ,PTTEP รวมถึง AOT ได้รับผลกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปจากความขัดแย้งปากีสถานและอินเดียว และหุ้นสายการบินที่ปรับตัวลง เช่น THAI,NOK,BA กลุ่มแบงก์ เช่น SCB ,KBANK ขณะที่หุ้นที่บวกขึ้นกระจัดกระจายเป็นรายตัว เช่น BJC การประกาศงบไตรมาส 4 ออกมาดี และหุ้น MAKRO
ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าตลาดหุ้นไทยพักตัวต่อเนื่อง ประเด็นข่าวบวกไม่มี เนื่องจากยังเป็นปัจจัยลบรุมเร้า มองแนวรับ 1,643 จุด แนวต้านที่ 1,663 จุด ประเด็นที่ต้องติดตามต้องดูว่าสหหรัฐฯจะขยายเวลาการจัดเก็บภาษี 25% ออกไปอีกหรือไม่ เพราะครบกำหนดยืดเวลาการขึ้นภาษีให้กับจีนในวันที่ 1 มี.ค.นี้ กลยุทธ์การลงทุนหลายกลุ่มพักตัวลงมาอาจชะลอการลงทุนก่อน หรือลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบ หรือหุ้นแลกการ์ด แนะนำหุ้นส่งออกได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น ส่งออกชิ้นส่วน ส่งออกอาหาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และค้าปลีก

สำหรับกลุ่มที่ปรับตัวลง เช่น พลังงาน สวนทางน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง เช่น PTT ,PTTEP รวมถึง AOT ได้รับผลกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปจากความขัดแย้งปากีสถานและอินเดียว และหุ้นสายการบินที่ปรับตัวลง เช่น THAI,NOK,BA กลุ่มแบงก์ เช่น SCB ,KBANK ขณะที่หุ้นที่บวกขึ้นกระจัดกระจายเป็นรายตัว เช่น BJC การประกาศงบไตรมาส 4 ออกมาดี และหุ้น MAKRO
ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าตลาดหุ้นไทยพักตัวต่อเนื่อง ประเด็นข่าวบวกไม่มี เนื่องจากยังเป็นปัจจัยลบรุมเร้า มองแนวรับ 1,643 จุด แนวต้านที่ 1,663 จุด ประเด็นที่ต้องติดตามต้องดูว่าสหหรัฐฯจะขยายเวลาการจัดเก็บภาษี 25% ออกไปอีกหรือไม่ เพราะครบกำหนดยืดเวลาการขึ้นภาษีให้กับจีนในวันที่ 1 มี.ค.นี้ กลยุทธ์การลงทุนหลายกลุ่มพักตัวลงมาอาจชะลอการลงทุนก่อน หรือลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบ หรือหุ้นแลกการ์ด แนะนำหุ้นส่งออกได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น ส่งออกชิ้นส่วน ส่งออกอาหาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และค้าปลีก