พาณิชย์ลุยสร้างสตอรี่สินค้าจีไอหวังเพิ่มมูลค่า
เศรษฐกิจ
Webmaster
2019-03-05 16:08:00
15
Webmaster
2019-03-05 16:08:00
15
-
สนับสนุนเนื่อหา
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดแก่สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (สินค้าจีไอ) จากปัจจุบัน 3,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาทต่อปี ตามมติครม. ที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการ เบื้องต้นจะเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างมูลค่าเพิ่ม การทำตลาด และการช่วยสร้างเรื่องราวหรือสตอรี่ของสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นต้น
“การส่งเสริมสินค้าจีไอให้มีมูลค่าการตลาดเพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาทตามมติ ครม. นั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากส่วนงานต่างๆ ร่วมกันผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าจีไอ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่จะต้องร่วมมือกัน โดยกรมฯ พร้อมที่จะเป็นหน่วยงานในการประสานความร่วมมือ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าจีไอและขยายช่องทางการตลาดให้กับสินค้า เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิตสินค้าในชุมชน และเพิ่มมูลค่าการตลาดให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”
ส่วนการสร้างสตอรี่ถือเป็นแนวทางที่จะช่วยสร้างเพิ่มมูลค่าให้สินค้าจีไอ จนกลายเป็นสินค้าพรีเมี่ยมได้ เพราะการรับรู้ที่มาที่ไปของสินค้า ก็จะทำให้ผู้บริโภคได้รับรู้ จะได้รู้สึกภูมิใจในการบริโภคสินค้าด้วย ขณะเดียวกันกรมฯยังจะเข้าไปช่วยพัฒนาระบบควบคุมคุณภาพ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าด้วย โดยผลการดำเนินการในปี 61 ที่ผ่านมา สามารถเพิ่มมูลค่าการตลาดให้กับสินค้าจีไอที่ได้มีการขึ้นทะเบียนไว้ 103 รายการจาก 67 จังหวัดได้แล้ว 4,000 ล้านบาท และแนวโน้มการเพิ่มมากขึ้น
สำหรับด้านการตลาด จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร่วมมือกับบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด จัดให้มีมุมจำหน่ายสินค้าจีไอไทย อย่างถาวร ภายในท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ รวม 108 สาขาทั่วประเทศ พร้อมทั้งนำสินค้าเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เช่น งานจีไอมาร์เก็ต งานไอพีแฟร์ งานสไตล์ 2019 และงานไทยเฟก เป็นต้น
ปัจจุบัน กรมฯ ได้ให้ความคุ้มครองสินค้าจีไอไทยและต่างประเทศ รวม 119 รายการ เป็นสินค้าไทย 103 รายการ จาก 67 จังหวัด และสินค้าต่างประเทศ 16 รายการ จาก 8 ประเทศ โดยมีสินค้าใหม่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในปีงบประมาณ 62 จำนวน 4 สินค้า ได้แก่ ทุเรียนสาลิกาพังงา กาแฟวังน้ำเขียว ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ และมะม่วงยายกล่ำนนทบุรี และในปีนี้ กรมฯ มีแผนจะส่งเสริมให้มีการขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอเพิ่มอีก 8 สินค้า เช่น หม้อห้อมแพร่ โอ่งมังกรราชบุรี พริกไทยจันทบุรี กระเทียมศรีสะเกษ และลูกหยียะรังปัตตานี เป็นต้น
“การส่งเสริมสินค้าจีไอให้มีมูลค่าการตลาดเพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาทตามมติ ครม. นั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากส่วนงานต่างๆ ร่วมกันผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าจีไอ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่จะต้องร่วมมือกัน โดยกรมฯ พร้อมที่จะเป็นหน่วยงานในการประสานความร่วมมือ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าจีไอและขยายช่องทางการตลาดให้กับสินค้า เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิตสินค้าในชุมชน และเพิ่มมูลค่าการตลาดให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”
ส่วนการสร้างสตอรี่ถือเป็นแนวทางที่จะช่วยสร้างเพิ่มมูลค่าให้สินค้าจีไอ จนกลายเป็นสินค้าพรีเมี่ยมได้ เพราะการรับรู้ที่มาที่ไปของสินค้า ก็จะทำให้ผู้บริโภคได้รับรู้ จะได้รู้สึกภูมิใจในการบริโภคสินค้าด้วย ขณะเดียวกันกรมฯยังจะเข้าไปช่วยพัฒนาระบบควบคุมคุณภาพ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าด้วย โดยผลการดำเนินการในปี 61 ที่ผ่านมา สามารถเพิ่มมูลค่าการตลาดให้กับสินค้าจีไอที่ได้มีการขึ้นทะเบียนไว้ 103 รายการจาก 67 จังหวัดได้แล้ว 4,000 ล้านบาท และแนวโน้มการเพิ่มมากขึ้น
สำหรับด้านการตลาด จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร่วมมือกับบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด จัดให้มีมุมจำหน่ายสินค้าจีไอไทย อย่างถาวร ภายในท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ รวม 108 สาขาทั่วประเทศ พร้อมทั้งนำสินค้าเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เช่น งานจีไอมาร์เก็ต งานไอพีแฟร์ งานสไตล์ 2019 และงานไทยเฟก เป็นต้น
ปัจจุบัน กรมฯ ได้ให้ความคุ้มครองสินค้าจีไอไทยและต่างประเทศ รวม 119 รายการ เป็นสินค้าไทย 103 รายการ จาก 67 จังหวัด และสินค้าต่างประเทศ 16 รายการ จาก 8 ประเทศ โดยมีสินค้าใหม่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในปีงบประมาณ 62 จำนวน 4 สินค้า ได้แก่ ทุเรียนสาลิกาพังงา กาแฟวังน้ำเขียว ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ และมะม่วงยายกล่ำนนทบุรี และในปีนี้ กรมฯ มีแผนจะส่งเสริมให้มีการขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอเพิ่มอีก 8 สินค้า เช่น หม้อห้อมแพร่ โอ่งมังกรราชบุรี พริกไทยจันทบุรี กระเทียมศรีสะเกษ และลูกหยียะรังปัตตานี เป็นต้น
