กสิกรไทยประกาศจ่ายปันผล5กองทุนพันล้าน
เศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังเตรียมจ่ายปันผลกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) ในอัตรา 0.54 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.61 - 28 ก.พ. 62 โดยทั้ง 5 กองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 28 ก.พ. และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 มี.ค. 62 รวมมูลค่าเงินปันผล 1,069.69 ล้านบาท
“ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา LTF ทั้ง 4 กองทุน ได้แก่ KDLTF, K70LTF, KGLTF และ K20SLTF จ่ายปันผลไปแล้วรวม 2 ครั้ง โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยที่ 4.28-5.60% ต่อปี ส่วนกองทุน K-PROP มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 11.63% และจ่ายปันผลไปแล้วรวม 3 ครั้ง (ที่มา Bloomberg: ณ วันที่ 4 มี.ค. 62)”
ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนของกองทุน K20SLTF ผลตอบแทน4.03%, , KDLTF ผลตอบแทนอยู่ที่ -4.67% และ KGLTF -3 % เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน(SET TRI) ซึ่งอยู่ที่ -3.13% ขณะที่กองทุน K70LTF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ -3.16% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน -1.77% ส่วนกองทุน K-PROP ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.63% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 4.27% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 62)
สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่าปรับขึ้นต่อเนื่องจากช่วงต้นปี โดยมีปัจจัยหลักคือ การส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ช่วยลดความกังวลต่อสภาพคล่องโลกตึงตัว และส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ประกอบกับการกำหนดวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.ชัดเจนส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม ขณะที่ความคืบหน้าเชิงบวกของการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ล่าสุดมีการเลื่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีจาก 10% เป็น 25% จากกำหนดเดิม 1 มี.ค. 62 ออกไปโดยไม่มีกำหนด ส่งผลให้ความกังวลเรื่องผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกลดลง
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการเลือกตั้งของไทยที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ การเจรจาเรื่อง Brexit ก่อนกำหนดเส้นตายช่วงปลายเดือนมี.ค. และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยประเมินดัชนีระยะสั้นผันผวนในช่วง 1,600-1,680 จุด และยังคงเป้าหมายทั้งปีที่ระดับ 1,750 จุด ด้วย Forward PE ที่ 15.7 เท่า
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มองว่า REIT กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยและการปรับลดงบดุล ทั้งนี้ สินทรัพย์ประเภทนี้ยังให้ผลตอบแทนที่ดีและผันผวนน้อยกว่าหุ้น จึงเหมาะสมสำหรับการลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำในภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังมีมุมมองบวกต่อการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและสิงคโปร์ ซึ่งอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งในไทยและสิงคโปร์อยู่ที่ประมาณ 5-6% ซึ่งสูงเมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม