ข่าวหุ้นไทยผันผวน นักลงทุนรอดูโฉมหน้ารัฐบาลใหม่(คลิป) - kachon.com

หุ้นไทยผันผวน นักลงทุนรอดูโฉมหน้ารัฐบาลใหม่(คลิป)
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์  บล. เคทีบี (ประเทศไทย)  เปิดเผยกับเดลินิวส์ออนไลน์ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าผันผวนในกรอบแคบ  มีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะประเด็นต่างประเทศ หลังจากที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) เตือนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลต่อเศรษฐกิจเกิดใหม่ ทั้งจีนและอินเดีย ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี   ประกาศปรับลดจีดีพีในยูโรโซนปีนี้ สู่ระดับ 1.1% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนธ.ค. 61 ว่าจีดีพีจะขยายตัว 1.7% 

สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย  เพราะกังวลในเรื่องเศรษฐกิจหดตัว  ส่วนตลาดหุ้นไทยต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง และมีเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เนื่องจากโบรกเกอร์อัพเกรดขึ้นคาดว่าธนาคารกลางของทั้ง 2 ประเทศจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน   



ด้านทิศทางการเมืองไทยแม้ยุบพรรคไปแล้ว แต่นักลงทุนรอดูผลการเลือกตั้ง 2 สัปดาห์หน้านี้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร  คาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวจะอยู่ที่ 1,620-1,650 จุด นอกจากนี้ต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากที่จีนรายงานตัวเลขส่งออกลดลงไป 20% ยังมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศอื่น เพราะมีผลต่อตลาดหุ้น ทั้งนี้ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบไปไหนไม่ได้ไกลมีปัจจัยถ่วงค่อนข้างมาก แนะนำถือเงินสดไว้ที่ 30%  เน้นกลุ่มปลอดภัย เช่น โรงไฟฟ้า รายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอไม่ผันแปรไปตามเศรษฐกิจ และกลุ่มค้าปลีกได้รับผลดีหลังจากเลือกตั้งแล้วเสร็จจะเห็นเม็ดเงินของรัฐบาลชุดใหม่ใส่เข้ามาในระบบเพิ่ม

"หุ้นไทยหลังเลือกตั้งยังผันผวน  ถ้าเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศตลาดหุ้นน่าจะบวกขึ้นต่อไปได้  แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องใช้เวลาเผื่อให้นักลงทุนดูนโยบายการทำงาน  คาดว่าจะทำให้เม็ดเงินต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3 เพราะรัฐบาลจะเข้ามาทำงานได้ในช่วงนี้ และการออกมาตรการของรัฐบาลชุดใหม่จะเห็นผลไตรมาสที่ 4 ทำให้นักลงทุนรอดูความชัดเจนของนโยบายก่อน ถึงกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ขณะที่เป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยทั้งปีมองไว้ที่ 1,712 จุด  และเป้าสูงสุด 1,780-1,800 จุด  สาเหตุมองดัชนีไม่ได้ไกล เนื่องจากได้ปรับประมาณการณ์กำไรบจ.ลงจากเดิม 10% เหลือ 9% คิดเป็น อีพีเอส 103 บาทต่อหุ้น จากเดิม 108 บาทต่อหุ้น แม้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดเติบโต แต่กำไรปีที่แล้วติดลบ 1-2% ทำให้กำไรปีนี้โตไม่มาก คาดว่ากำไรของบจ.จะแตะ 1 ล้านล้านบาทในปีนี้"