5พรรคการเมืองชูพลังงานทดแทนแก้ยากจน
เศรษฐกิจ
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำเรื่องแรกในภาคพลังงานคือเลิกทะเลาะกัน ทุกฝ่ายควรร่วมกันกำหนดนโยบายพลังงาน เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน โดยพรรคมีนโยบายดูแลราคาเชื้อเพลิงให้ถูกลง โดยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และอยากเห็น ปตท.ปรับบทบาทสู่พลังงานทางเลือกมากขึ้น เช่น ปาล์ม ที่พรรคมีนโยบายประกันราคาที่กิโลกรัมละ 4 บาท เพื่อนำมาผลิตไบโอดีเซลจากบี 7 เป็นบี 10 ไม่ใช่มุ่งแต่ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพียงอย่างเดียว และมุ่งไปนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การลงทุนในแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)
นายสันติ กีระนันทน์ ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ไทยควรปล่อยให้ราคาพลังงานเป็นไปตามกลไกตลาด แต่จะต้องบริหารให้สมดุล ทำให้ผู้บริโภค ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงได้ ขณะเดียวกันต้องผลักดันให้เกิดการใช้พืชพลังงานให้เป็นพืชเศรษฐกิจในประเทศ ดึงเอกชนเข้ามาผลิตไบโอดีเซลมากขึ้น และจัดทำมาตรฐานบังคับ เช่น ผลักดันการผลิตรถยนต์มาตรฐานยูโร 4 สู่ยูโร 5 มีโรดแมปผลิตรถยนต์มุ่งสู่รถยนต์อีวีให้มากขึ้น แม้มองว่าอีวีจะยังไม่เกิดขึ้นภายใน 5 ปีนี้
นายระวี มาศฉมาดล ตัวแทนพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า พรรคประกาศนโยบายลดราคาน้ำมันลง 5 บาทต่อลิตร และลดราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ขนาดถัง 15 กก. เหลือ 250 บาทต่อถัง โดยไม่ใช้ภาษีประชาชน และยุติการผูกขาดธุรกิจทุกประเภทที่รัฐถือหุ้นเกิน 30% โดยเข้าไปตรวจสอบสัญญาทุกฉบับ
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พรรคมีนโยบายรณรงค์ให้คนใช้รถโดยสารและขนส่งสาธารณะ มีแผนลงทุนระบบราง รถไฟฟ้า รวมถึงทบทวนการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมให้ครอบคลุมการสร้างอาคาร บ้านเรือนประหยัดพลังงานประเภทต่างๆ ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มสัดส่วนให้มากกว่า 20% จัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเปิดเสรีธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้บริการอย่างเป็นธรรมมากขึ้น เพื่อลดการผูกขาดจากปตท.