ข่าว'ไพรินทร์'ฝากนโยบายสุดท้ายถึงการท่าเรือ - kachon.com

เมื่อเวลา15.00น.วันที่13มี.ค.ที่อาคารที่ทำการการท่าเรือประเทศไทย(กทท.) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวภายหลังการเดินทางมาตรวจติดตามการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) พร้อมประชุมหารือร่วมกับนายสมศักดิ์ ห่มม่วง ประธานคณะกรรมการกทท. เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผอ.กทท.และคณะผู้บริหารกทท. โดยใช้เวลาประชุมกว่า1ชั่วโมง ว่า ตนถือโอกาสมาลาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กทท. ซึ่งเป็นหน่วยงานสุดท้ายในความดูแลที่ตนไปลา เพราะจะเลือกตั้งใหม่แล้ว โดยได้นำเสนอตัวอย่างรัฐวิสาหกิจที่ดี คือเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีการบริหารงานที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อสังคม เนื่องจากต้องการให้กทท.เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดี เป็นหนูถีบจักรต้องแข่งกับตัวเอง ซึ่งมั่นใจว่ากทท.สามารถทำได้และจะประสบความสำเร็จขึ้นเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำได้ สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3 กทท.ต้องทำให้สำเร็จ และมั่นใจว่าจะทำได้แน่นอน
           
เรือโทกมลศักดิ์ กล่าวว่า ภายใน3ปีมั่นใจว่ากทท.จะก้าวขึ้นสู่การเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศอยู่ในกรุ๊ปเอได้ จากปัจจุบันที่อยู่ในกรุ๊ปบี ทั้งนี้กทท.มีโครงการเร่งด่วนที่ต้องการดำเนินคือ โครงการแหลมฉบังเฟส3 ซึ่งมีกำหนดเปิดให้เอกชนที่มาซื้อซองเอกสารประกวดราคาเข้ามายื่นซองในวันที่29มี.ค.นี้ และในช่วงบ่ายคงวันเดียวกันก็จะรู้ผลเอกชนที่มีคุณสมบัติผ่านการพิจารณา และในวันที่11เม.ย.น่าจะประกาศรายชื่อเอกชนผู้ชนะการประมูลได้ จากนั้นจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในช่วงเดือนพ.ค.ต่อไป
นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาค ได้แก่ การพัฒนาท่าเรือระนองให้เป็นเกตเวย์ฝั่งอันดามัน  โดยอยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดและออกแบบก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี63 ซึ่งเบื้องต้นจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า5พันล้านบาท และใช้เวลาก่อสร้าง2ปีก่อนเปิดให้ใช้งานได้ในช่วงปี 65-66 ขณะที่โครงการพัฒนาการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าในกรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศ BIMSTEC ได้แก่ ประเทศบังคลาเทศ อินเดีย เมียนมา ศรีลังกา ไทย เนปาล และภูฏาน คาดว่าภายในเดือนก.ย.นี้จะสามารถลงนามข้อตกลงกับท่าเรือใน3ประเทศได้ ได้แก่ ท่าเรือเชนไน ประเทศอินเดีย ท่าเรือจิตตะกอง ประเทศบังคลาเทศ และท่าเรือโคลัมโบของประเทศศรีลังกา เพื่อส่งเสริมการค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น