ข่าวกฟผ.-ลาวซื้อขายไฟฟ้าน้ำงึม-เซเสด - kachon.com

กฟผ.-ลาวซื้อขายไฟฟ้าน้ำงึม-เซเสด
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริ จิระพงษ์พันธ์  รมว.พลังงาน  ท่านคำมะนี อินทิลาด รมว.พลังงานและบ่อแร่ง สปป.ลาว  ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยกับลาว โดยมีนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)และท่านบุญอุ้ม สีวันเพ็ง ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว หรือ ฟฟล.เป็นผู้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการเขื่อนน้ำงึม 1 และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการเขื่อนเซเสด ฉบับใหม่

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์  รมว.พลังงาน  กล่าวว่า   การลงนามสัญญาครั้งนี้เป็นความร่วมมือซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว จากโครงการเขื่อนน้ำงึม 1 ฉบับเดิมปี 2517-ปัจจุบัน (ผนวกรวมโครงการน้ำลึก น้ำเทิน 2 เข้าเป็นส่วนหนึ่งในสัญญา)  และโครงการเขื่อนเซเสดฉบับเดิมปี 48 - ปัจจุบัน(ผนวกรวมโครงการเซเสด 2 และห้วยลำพันใหญ่เข้าเป็นส่วนหนึ่งในสัญญา)ได้ครบกำหนดสัญญาวันที่ 2 มี.ค. 2562 ไทยโดยกฟผ.จึงทำสัญญาฉบับใหม่เพื่อรับซื้อไฟกำลังผลิตรวมประมาณ 300-400 เมกะวัตต์ พร้อมกับปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าเดิมที่กำหนดราคาคงที่ 1.33 บาทต่อหน่วยเป็นเฉลี่ย 1.63 บาทต่อหน่วย

"ที่ผ่านเรามีการขยายสัญญาม่าต่อเนื่องและสปป.ลาวมีรายได้จากค่าไฟไม่สูงนักและสัญญาเดิมไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นสปป.ลาวจึงจอให้มีการทบทวนจึงได้มีการเจรจากันที่จะปรับราคาให้เหมาะสมเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีมายาวนานด้านซื้อไฟฟ้านับ 50 ปี โดยจะยึดการนำต้นทุนการผลิตไฟฟ้าหน่วยสุดท้ายระยะสั้น(Short Run Maginal Cost ) ตามค่าเชื้อเพลิงจริงย้อนหลัง 6 เดือนของแต่ละสัญญาเพื่อนำไปใช้เป็นอัตราค่าไฟในปีสัญญาถัดไปสะท้อนตามสภาพข้อเท็จจริงก็ไม่ได้ทำให้ภาระค่าไฟของไทยเปลี่ยนแปลงอะไร แต่รายได้สู่สปป.ลาวจะมีความเป็นธรรมมากขึ้น"

ปัจจุบันไทยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับสปป.ลาวที่ผูกพันแล้ว 6,000 เมกะวัตต์แต่ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านพลังงานของไทยกับสปป.ลาวในการลงนาม(MOU)รับซื้อไฟฟ้าจะอยู่ที่ 9,000 เมกะวัตต์ โดยการรับซื้อระยะต่อไปก็จะต้องพิจารณาโครงการที่เหมาะสม และภายใต้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย(PDP2018)พ.ศ.2561-2580 กำหนดการรับซื้อไฟจากสปป.ลาวอีก 3,000-3,500 เมกะวัตต์จากที่ดำเนินการแล้ว 6,000 เมกะวัตต์โดยจะแบ่งการรับซื้อปี 68-69 อีก1,400 เกมะวัตต์และที่เหลืออีกกว่า 2,000 เมกะวัตต์จะเป็นช่วงปี 2573-2575