ข่าวโอนเงินบ่อยระวังตัว  สรรพากรออกกฎหมาย ตรวจบัญชี-รีดภาษี - kachon.com

โอนเงินบ่อยระวังตัว  สรรพากรออกกฎหมาย ตรวจบัญชี-รีดภาษี
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
​นายปิ่นสาย สุรัสวดี รักษาการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ.2562 เพื่อรองรับระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (เนชันแนล อีเพย์เมนท์ ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ในกฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญ ได้แก่ การกำหนดให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ อี-วอลเล็ต  ต้องนำส่งข้อมูลธุรกรรมลักษณะเฉพาะให้กรมสรรพากร ได้แก่ มียอดฝากหรือโอนเงินเข้าบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปี และยอดรวมตั้งแต่ 2 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป หรือมียอดฝากหรือโอนเงินเข้าบัญชีตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป นอกจากนี้ ยังมี อี-แท็กซ์ อินวอยซ์ และอี-รีซิฟท์ ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการจัดทำใบกำกับภาษีและใบรับแบบอิเล็กทรอนิกส์ส่งมาให้กรมสรรพากรได้เอง รวมถึงเปิดให้ผู้จ่ายเงินสามารถเลือกจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านธนาคาร หรือคนกลาง ตลอดจนยังเปิดระบบ อี-ไฟลิง เพิ่มช่องทางการยื่นแบบภาษีออนไลน์ในภาษีทุกประเภท  





​นายปิ่นสายกล่าวต่อว่า การรายงานข้อมูลผู้มีบัญชีธุรกรรมลักษณะเฉพาะจะครอบคลุมทั้งข้อมูลบัญชีบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลทั้งคนไทยและต่างชาติ  โดยสถาบันการเงินต้องเริ่มเก็บข้อมูลบัญชีปี 62 เพื่อรายงานให้กรมสรรพากรภายในเดือนมี.ค.63 เป็นต้นไป และปฏิบัติเป็นประจำทุกๆปี โดยข้อมูลธุรกรรมเฉพาะที่กำหนดจะนับเฉพาะยอดรับโอน หรือเงินขาเข้าในบัญชีเท่านั้น ไม่รวมการโอนออกหรือถอนออกไป รวมถึงจะนับยอดรวมการโอนของทุกบัญชี ที่มีเจ้าของเปิดบัญชีในธนาคารเดียวกันรวมกันด้วย เช่น หากมีการเปิดบัญชีกับธนาคารหนึ่ง 5-10 บัญชี ก็จะนำยอดรับโอนทั้ง 5-10 บัญชีมานับรวม ถ้าเกินก็ต้องส่งข้อมูลให้สรรพากร แต่จะไม่นับข้อมูลบัญชีที่ต่างธนาคาร

ทั้งนี้เมื่อกรมสรรพากรได้รับการรายงานข้อมูลธุรกรรมลักษณะเฉพาะจากสถาบันการเงินแล้ว จะมีการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีบิ๊กดาตา และปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เพื่อแยกแยะข้อมูลของผู้เสียภาษีเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่เสียภาษีอยู่แล้วและมีความเสี่ยง 2.กลุ่มที่เสียภาษีอยู่แล้วแต่ไม่มีความเสี่ยง 3.กลุ่มที่ไม่เคยเสียภาษีและมีความเสี่ยง และ 4.กลุ่มที่ไม่เคยเสียภาษีแต่ไม่มีความเสี่ยง ซึ่งถ้าเป็นคนที่เสียภาษีถูกต้องอยู่แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่เป็นคนที่เสียภาษีอยู่และมีความเสี่ยงก็จะตรวจว่ามีการแจ้งข้อมูลการเสียภาษีตรงกับข้อมูลธุรกรรมหรือไม่หากไม่ตรงก็ต้องมาเสียภาษีให้ถูกต้อง แต่ถ้าเป็นกลุ่มไม่เคยเสียภาษีมาก่อนก็จะมีการตรวจสอบหรือเรียกเข้ามาพบเพื่อข้อมูลเพิ่ม   โดยกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เป็นการรังแกคนค้าขายออนไลน์ หรือใคร เพราะตามกฎหมายหากใครมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดก็ต้องเสียอยู่แล้ว