ข่าวปตท.สผ.ขึ้นแท่นอันดับ3 ถือครองปิโตรเลียมมาเลเซีย - kachon.com

ปตท.สผ.ขึ้นแท่นอันดับ3 ถือครองปิโตรเลียมมาเลเซีย
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัท พีทีทีอีพี เอชเค ออฟชอร์ จำกัด  หรือ พีทีทีอีพี เอชเคโอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น  ทั้งหมดในบริษัทย่อยของ เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ได้แก่ บริษัท เมอร์ฟี่ ซาบาห์ ออยล์ จำกัด และบริษัท เมอร์ฟี่   ซาราวัก ออยล์ จำกัด การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ครอบคลุมแหล่งน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการซาบาห์ เค, โครงการเอสเค 309 และเอสเค 311, โครงการซาบาห์ เอช, โครงการเอสเค 314 เอ และโครงการเอสเค 405 บี รวมทั้ง สินทรัพย์ต่างๆ ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้ใช้เงินจากกระแสเงินสดของบริษัท (Cash on hand) เข้าซื้อกิจการ คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2 ปีนี้

 “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการสร้างการเติบโตในระยะสั้นและระยะยาวตรงตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมตามสัดส่วนการลงทุนของ ปตท.สผ. ได้ทันทีประมาณ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปริมาณการขายในปัจจุบัน และยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันทีเช่นกัน” 

สำหรับโครงการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้ง 5 โครงการนั้น ตั้งอยู่ในบริเวณรัฐซาบาห์และรัฐซาราวัก โดยมีโครงการที่อยู่ในระยะผลิต ได้แก่ โครงการซาบาห์ เค, โครงการเอสเค 309 และเอสเค 311 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ ถือเป็นโครงการที่สำคัญขนาดใหญ่ และปตท.สผ.จะเข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการทันที โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 100,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และจะเพิ่มเป็นประมาณ 140,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในอีก 4 ปีข้างหน้า จากโครงการซาบาห์ เอช ที่มีแผนจะเริ่มการผลิตในช่วงครึ่งหลังปี 63 โดยจะผลิตก๊าซธรรมชาติปริมาณ 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ให้กับโครงการ FLNG2 ของปิโตรนาส 



นอกจากนี้ ยังมีโครงการเอสเค 314 เอ โครงการเอสเค 405 บี ซึ่งอยู่ในระยะสำรวจ โดยมีแผนงานที่จะทำการวัดคลื่นไหวสะเทือน และเจาะหลุมสำรวจในอนาคต พร้อมทั้งรับพนักงานเมอร์ฟี่ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 600 คน เข้าร่วมสานต่อศักยภาพการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซฯ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานและประโยชน์ต่อประเทศมาเลเซียต่อไป 
ขณะเดียวกันพีทีทีอีพี เอชเคโอ ได้ร่วมกับบริษัท ปิโตรนาส ชาริกาลี จำกัด ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contracts) กับบริษัท ปิโตรเลียม เนชั่นแนล เบอร์ฮาด หรือ ปิโตรนาส เพื่อรับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจพีเอ็ม 407 และพีเอ็ม 415 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนอกชายฝั่งเพนนินซูลาร์ มาเลเซีย  จากการชนะการเปิดประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในปี 61 ของประเทศมาเลเซีย

ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตดังกล่าว พีทีทีอีพี เอชเคโอ จะเป็นผู้ดำเนินการในทั้งสองแปลง โดยมีสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 55 ในแปลงพีเอ็ม 407 และร้อยละ 70 ในแปลงพีเอ็ม 415 ในขณะที่ ปิโตรนาส        ชาริกาลี ถือสัดส่วนการลงทุนที่เหลือในทั้งสองแปลง ทั้งนี้ บริษัทวางแผนดำเนินการสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3   มิติ และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 407 และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 415

"การเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ฯ และการชนะการประมูลในมาเลเซียอีก 2 แปลง รวมทั้ง แปลงสำรวจต่าง ๆ ที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้วส่งผลให้ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในฐานการลงทุนใหญ่ของ ปตท.สผ. นอกเหนือไปจากการลงทุนในไทยและเมียนมาทำให้ ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศมาเลเซีย ในด้านของการถือครองปริมาณทรัพยากรปิโตรเลียม  ซึ่งครอบคลุมการสำรวจและการผลิต น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในบริเวณที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงทั้งใน บริเวณนอกชายฝั่งเพนนินซูลาร์ มาเลเซีย  และนอกชายฝั่งรัฐซาราวักและรัฐซาบาห์"