ข่าวภาคธุรกิจเรียกร้องทุกพรรคยอมรับผลเลือกตั้ง ห้ามก่อม็อบลงถนน - kachon.com

ภาคธุรกิจเรียกร้องทุกพรรคยอมรับผลเลือกตั้ง ห้ามก่อม็อบลงถนน
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังปิดหีบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บรรดาภาคเอกชนต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองยอมรับผลการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลด้วยความสงบ พร้อมกับให้เร่งผลักดันนโยบายเศรษฐกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนกลับคืนมา โดยนายกลินทร์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า แม้ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ได้ไม่สำคัญ แต่หลังการเลือกตั้งขอให้สถานการณ์สงบเรียบร้อย เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจดำเนินธุรกิจได้ เพราะเท่าที่มีการสอบถามนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการให้เดินหน้าโครงการต่างๆ จากรัฐบาลชุดก่อน เช่น โครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ

"นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากได้สอบถามมายังหอการค้าไทยว่า พรรคการเมืองใดจะเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงบอกไปว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะต้องรอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน"

ด้านนายอานนท์ วังวสุ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย กล่าวว่า หลังจากนับคะแนนแล้วไม่ว่าผลการเลือกจะออกมาเป็นอย่างไร ขอให้ทุกพรรคทุกฝ่ายเคารพผลการเลือกตั้งและการตัดสินใจของประชาชน โดยมุ่งหน้าทำการเมืองเข้าสู่การบริหารโดยระบบรัฐสภา และไม่ควรทำชุมนุมก่อม็อบโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดความวุ่นวาย และกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันในการจัดตั้งรัฐบาลขอให้การจัดตั้งโดยเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก เพราะจะทำให้มีความเชื่อมั่นและสามารถบริหารบ้านเมืองได้ดีกว่า

“พรรคการเมืองจะต้องมองผลประโยชน์ทางบ้านเมืองเป็นสำคัญ อย่าสร้างเงื่อนไขจนทำให้การเมืองติดล็อก เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาบ้านเมืองก็ไม่จบสิ้นสักที”





ขณะที่นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า ต้องการให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ถูกใจ ไม่ใช่พรรคการเมืองที่เลือก แต่ผลที่เกิดขึ้นถือเป็นวิถีประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องยอมรับ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการรัฐสภาและจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ และเมื่อได้รัฐบาลใหม่แล้วไม่อยากให้มาคิดกันแต่เรื่องแก้แค้นกัน อยากให้เดินหน้าสานต่อนโยบายที่ดี ที่มีประโยชน์กับประเทศ และประชาชนชน

"สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการมากที่สุด คือ ความสงบทางการเมือง ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นชุดเดิม หรือชุดใหม่ อยากให้เดินหน้าสานต่อนโยบายดี ร่วมกันผลักดันเดินหน้าเศรษฐกิจ และอยากให้ทบทวนนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาลงลึกในรายละเอียดว่า ทำไมเศรษฐกิจที่ดูเหมือนดี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจจริงถึงยังไม่ดี ชาวบ้าน เกษตรกร ยังรู้สึกว่า ค้าขายไม่ดี บ่นกันเยะมาก แม้รัฐบาลลงทุนเงินไปเยอะมากแล้ว ต้องมาดูว่าเกิดจากอะไร"

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ผู้นำประเทศคนใหม่นั้น อยากให้เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ระยะยาว และให้ความสำคัญกับนโยบายที่สร้างความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าได้ช้า เพราะเจอปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆเช่น ปัญหาการกระจายรายได้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมปัญหาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไข ทำให้ผู้นำใหม่จะต้องสานต่อนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ประเทศไทยได้หน้าได้เร็วขึ้นและยั่งยืนขึ้น

สำหรับนโยบายที่รัฐบาลใหม่ควรให้น้ำหนัก 3 ด้าน1.การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง เช่น ดูแลนโยบายการจัดเก็บภาษี การใช้จ่ายภาครัฐ การก่อหนี้ รวมไปถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความสมดุล เหมาะสมกับเงื่อนไขเศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้เฉลี่ยราว4-5% ต่อปี2.นโยบายที่ดูแลด้านความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องทำให้ภาคชุมชนและท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง ทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก มีความสามารถในการสร้างรายได้และจัดการตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะและผลิตภาพแรงงานที่ดีขึ้น รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มของผลผลิตได้ อันจะทำให้รายได้เติบโตรวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางเชิงนโยบายที่มีความต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนหน้า และ3.นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจมักต้องแลกมาด้วยความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะย้อนกลับมากระทบคุณภาพชีวิตของประชากรและเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย จึงควรเป็นนโยบายที่ได้รับการดูแลอย่างจริงจังด้วย





ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อยากเห็นคือรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ เพราะหากไม่มีเสถียรภาพก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค และอยากให้ดำเนินนโยบายโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีอยู่ เกิดความต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหน้าเดิมหรือรัฐบาลชุดใหม่ก็ตามต้องเร่งรัด เพราะหากโครงการล้าช้าจะเสียประโยชน์และความน่าสนใจในการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะโครงการอีอีซีที่ทำอยู่จะเสียเปล่า และอาจกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติจะไม่เชื่อมั่นได้

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า หลังเลือกตั้งเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นแน่นอน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวังของคนทั้งประเทศโดยเชื่อว่าคนที่เข้ามานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้จะเป็นรัฐบาลที่มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ ทำให้ประเทศสงบสุขและอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข และอยากให้ออกนโยบายส่งเสริมต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น




นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ไม่ว่าพรรคไหนจะชนะการเลือกตั้งก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา และมั่นใจว่า พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่ยาก เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างจะจบที่การเจรจาและการต่อรองทางการเมือง ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจนั้น มองว่า ไม่ว่าพรรคใดจะเข้ามาก็สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เหมือนเดิม เพราะนโยบายของแต่ละพรรคไม่ค่อยต่างกันมากนัก

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่านโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคจะใช้งบประมาณอย่างมหาศาลนั้น ส่วนตัวมองว่า นโยบายของพรรคการเมืองใหญ่บางนโยบายอาจมีเงื่อนไขเพื่อลดการใช้งบประมาณ เช่น ต้องมาลงทะเบียน และเรื่องข้าวก็มีการกำหนดว่าไม่เกินกี่ไร่