ข่าวจับตาเสถียรภาพรัฐบาล หนุนเงินแสนล้านไหลเข้าปท. - kachon.com

จับตาเสถียรภาพรัฐบาล หนุนเงินแสนล้านไหลเข้าปท.
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่เป็นไปตามคาด จากเดิมคาดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงทิ้งห่างพรรคอื่นๆ ค่อนข้างมาก แต่ผลที่ออกมาอย่างไม่เป็นทางการ พรรคพลังประชารัฐได้จำนวน ส.ส.  น้อยกว่าพรรคเพื่อไทยเพียงเล็กน้อย และยังได้คะแนนเสียงรวมสูงที่สุด ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงที่ต่ำมาก ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ส่งผลต่อภาพรวมการลงทุน เพราะขณะนี้คะแนนเสียงที่พรรคพลังประชารัฐได้มีจำนวนมากพอที่จะมีความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย  ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นทางเลือกที่สามอย่างที่เคยคาดไว้

ดังนั้น ผลการเลือกตั้งที่ออกมาจึงทำให้ภาพชัดเจนขึ้น นั่นก็คือเหลือเพียง 2 ขั้วการเมืองที่มีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่จะสร้างความกังวลให้ตลาด คือทั้งสองพรรคใหญ่มีคะแนนเสียงที่ใกล้กันมาก แม้พรรคพลังประชารัฐจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่มีเสียงเกินครึ่งเพียงเล็กน้อย ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของเสถียรภาพทางการเมืองได้ในอนาคต และไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลเชื่อว่าจีดีพีเติบโต 4% 
   
“ สิ่งสำคัญคือเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะ 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลมีเอกภาพมาก เนื่องจากรัฐบาลเป็นพรรคเดียวและไม่มีฝ่ายค้าน แต่ 4 ปีจากนี้จะไม่ง่ายเหมือนเดิม โดยเฉพาะหากฝ่ายค้านมีเสียงจำนวนมาก แม้ว่าจะมีเสียงน้อยกว่ารัฐบาล แต่ถ้าน้อยกว่าไม่มากนักรัฐบาลก็อาจจะผลักดันโยบายสำคัญๆ ได้ไม่ง่ายนัก”  

 อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ยังต้องติดตามเรื่องความวุ่นวาย และเสถียรภาพของประเทศว่าจะเป็นอย่างไร รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจได้อย่างมีเสถียรภาพหรือไม่หากการเลือกตั้งสงบเรียบร้อยมีเสถียรภาพคาดว่าเงินต่างชาติน่าจะไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทย 100,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลต้องมีเกิน 300 ที่นั่งขึ้นไป  

“นักลงทุนต่างประเทศไม่ค่อยสนใจว่ารัฐบาลจะมาจากพรรคไหน แต่จะให้ความสำคัญกับ 1. รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือไม่ 2. นโยบายเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร รัฐมนตรีเศรษฐกิจมีคุณภาพขนาดไหน 3. ความต่อเนื่องของนโยบายขนาดใหญ่ เช่น อีอีซี ถ้าตอบโจทย์ในเชิงบวกได้ทั้งหมด เงินทุนต่างชาติก็จะไหลเข้าอย่างเต็มที่  อีกทั้งปัจจุบันอัตราการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำด้วย”  

สำหรับหุ้นไทยน่าลงทุน เนื่องจากราคาไม่แพงและเศรษฐกิจยังโตต่อได้และแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคเอกชน และโครงการขนาดใหญ่ของรัฐยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ เช่น ธนาคารพาณิชย์ ส่วนดัชนีหุ้นไทยปีนี้ประเมินไว้ที่ 1,750 -1,800 จุด