ต่างชาติเบรกลงทุนรอผลจัดตั้งรัฐบาลใหม่
เศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในระยะนี้น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก เช่น ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การเจรจาเรื่องเบร็กซิท ก่อนกำหนดเส้นตาย และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
" มีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้จากการขับเคลื่อนของการบริโภค การลงทุนภายในประเทศ และการท่องเที่ยว ผลประกอบการปกติของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ คาดว่าจะยังขยายตัวได้ในอัตรา 5-6% แต่หากดูตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาด (concensus) จะเห็นว่ามีอัตราการเติบโต 13% เนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา กลุ่มพลังงานมีตัวเลขขาดทุนที่เกิด stock loss จำนวนมากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาต่ำมากในช่วงปลายปี รวมถึงรายการพิเศษอื่นทำให้ฐานกำไรในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าปกติ”
อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ปรับลดลงมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดโดยรวมที่ระดับ 3.4% จึงประเมินว่าในระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวผันผวนอยู่ในช่วง 1,600-1,680 จุด และยังคงเป้าหมายสิ้นปีไว้ที่ระดับ 1,750 จุด ด้วย Forward PE ที่ 15.7 เท่า
ทั้งนี้แนะนำกองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานดี กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโอกาสการทำกำไรในทุกสภาวะตลาด โดยมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด กองทุนกองทุนเปิดเค เซ็ท 50 (K-SET50) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Passive ที่เน้นลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ด้วยมูลค่าลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท ผ่านช่องทางดิจิตอลอย่าง K-My Funds และ K-Cyber Invest และกองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ (K-STAR-A(R)) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว มีการบริหารจัดการกองทุนที่โดดเด่นติดอันดับกองทุน 5 ดาว จาก Morningstar (ที่มา Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 62)