กรุงไทยแนะเอสเอ็มอีขยายตลาดอาหารเฉพาะกลุ่ม
เศรษฐกิจ
นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงในการส่งเสริมสุขภาพด้านต่างๆ เพิ่มเติมจากคุณประโยชน์ของอาหารทั่วไป หรือ Functional Foods ซึ่งเป็นอาหารสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ออกกำลังกาย กลุ่มผู้ใส่ใจความงาม ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประเมินมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 68,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 4% ซึ่งในต่างประเทศอัตรากำไรของบริษัทที่ทำอาหารดังกล่าวสูงกว่าอาหารทั่วไปถึงเกือบ 3 เท่า โดยมีอัตรากำไรเฉลี่ยสูงถึง 7.3% ขณะที่ผู้ประกอบการอาหารทั่วไปอยู่ที่ 2.8 % อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม S-Curve ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน
นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น และมีแนวคิดว่าการป้องกันโรคดีกว่าการรักษาโรค รวมทั้งต้องการทางเลือกที่ไม่ใช่ยา จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเจาะตลาดนี้ ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ยังเข้าไม่ถึง และยังไม่มีผู้นำตลาดชัดเจน ที่สำคัญผู้บริโภคในกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับคุณค่าและประโยชน์ของสารอาหารมากกว่าราคา ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา โดยกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มอาหารที่ให้พลังงานสูง กลุ่มควบคุมน้ำหนัก และกลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน
นายอภินันทร์ สู่ประเสริฐ รองผู้อำนวยการฝ่าย สายงาน Global Business Development and Strategy กล่าวว่า การเข้ามาทำตลาดดังกล่าวผู้ประกอบการควรสำรวจความต้องการของตลาด ศึกษาสารอาหารที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และควรเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยทำวิจัย เช่น ผู้ผลิตสารอาหารเฉพาะด้าน (Functional Ingredients) และหน่วยงานวิจัยจากภาครัฐหรือสถาบันการศึกษา เพื่อลดความเสี่ยงในการทำวิจัยเอง และช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงความต้องการของตลาดได้ง่ายขึ้น ทั้งเรื่องของรสชาติที่อร่อย การรักษาคุณสมบัติของสารอาหารให้คงเดิม และได้มาตรฐานการผลิต ตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและหากเป็นไปตามที่ภาครัฐตั้งเป้าหมายไว้ ในปี 64 คาดว่าจะมีผู้ประกอบการอาหารที่มีนวัตกรรมอาหารประมาณ9,000 ราย