คต.ออกหลักเกณฑ์รับรองใช้สิทธิลดภาษีส่งออก
เศรษฐกิจ
“สินค้าเกษตรที่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า คือ กล้วยสด และสับปะรดสด ในส่วนของเนื้อสุกรปรุงแต่งเสียภาษีนำเข้าเพียง 16% จากอัตราภาษีนำเข้าปกติของกล้วยสดอยู่ที่ 20 - 25% สับปะรดสด 17% และเนื้อสุกรปรุงแต่งอยู่ที่ 20% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมาก”
นายอดุลย์ กล่าวว่า ผู้ส่งออกที่จะขอใช้สิทธิโควตาภาษีตามความตกลงเจเทป้าจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ ผู้ส่งออกกล้วยสดต้องมีรายชื่อและได้รับจัดสรรปริมาณส่งออกตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด ในส่วนผู้ส่งออกเนื้อสุกรปรุงแต่ง ต้องมีรายชื่อตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด โดยต้องส่งออกจากโรงงานแปรรูปเนื้อสุกรที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานสุขอนามัยของประเทศญี่ปุ่นแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ส่งออกสับปะรดสดสามารถขอใช้สิทธิประโยชน์ได้เป็นการทั่วไป โดยสินค้าสับปะรดสดและเนื้อสุกรปรุงแต่ง โดย กรมฯ จะออกหนังสือรับรองโดยใช้หลักการยื่นขอก่อนได้รับสิทธิก่อน จนกว่าจะครบปริมาณตามที่กำหนด ซึ่งรายละเอียดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการขอใช้สิทธิต่างๆ จะระบุอยู่ในประกาศกรมการค้าต่างประเทศดังกล่าว
สำหรับข้อมูลการขอใช้สิทธิโควตาส่งออกเจเทป้าปีที่ผ่านมามีสัดส่วนค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะสับปะรดสดและกล้วยสด โดยพบว่า สับปะรดสด มีผู้ขอใช้สิทธิเพียง 1.6% หรือ ปริมาณ 5,200ตัน เท่านั้น สาเหตุหลักจากข้อจำกัดเรื่องขนาดน้ำหนักสับปะรดที่ต้องไม่เกิน 900 กรัมต่อผล สำหรับกล้วยสดมีผู้มาขอใช้สิทธิเพียง 24.3% หรือปริมาณ 1,947 ตัน เนื่องจากมีผลผลิตไม่มากพอที่จะตอบสนองกับความต้องการบริโภคในประเทศ และมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศในปริมาณที่มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอที่จะส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับผลผลิตกล้วยสดจะต้องควบคุมให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามความต้องการของตลาดญี่ปุ่นอีกด้วย ผู้ส่งออกไทยจึงไม่สนใจที่จะส่งออกไปยังญี่ปุ่นมากนัก แต่ในส่วนของเนื้อสุกรปรุงแต่ง ได้รับสิทธิ 1,200 ตันต่อปี มีผู้มาใช้สิทธิเต็มโควตาทุกปี