จ่ายค่ารถเมล์เพิ่มวันแรกไร้ปัญหา
เศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่เกาะพหลโยธิน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ และรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยในการปรับขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารประจำทางที่วิ่งให้บริการประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และรถร่วมบริการ ขสมก. ตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ที่กำหนดให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารประจำทางที่วิ่งให้บริการประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันที่ 22 เม.ย. เป็นวันแรกว่า ผู้โดยสารสามารถจ่ายได้ และยังไม่พบปัญหา เนื่องจาก ขสมก. ได้ติดข้อความประชาสัมพันธ์การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร บนรถเมล์ ขสมก. ทุกคันไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้โดยสารได้เตรียมความพร้อม รวมทั้งขึ้นข้อความบนจอบอกป้ายรถเมล์ ขณะเดียวกันยังได้อบรมการปรับขึ้นค่าโดยสารให้พนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร ตลอดจนเน้นย้ำการให้บริการ โดยเฉพาะการขับรถตามกฎระเบียบ จอดรับทุกป้าย ทั้งนี้ได้ย้ำเตือนทุกเขตการเดินรถของ ขสมก. ทั้ง 8 เขต ให้ดูแลการเดินรถในพื้นที่อย่างดีด้วย
นายประยูร กล่าวต่อว่า สำหรับการปรับขึ้นครั้งนี้จะปรับขึ้นทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นรถทัวร์ของบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) รถร่วม บขส. รถเมล์ ขสมก. และ รถร่วม ขสมก. สำหรับรถร่วม ขสมก. ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลได้เน้นย้ำการให้ข้อมูลการปรับขึ้นค่าโดยสารแก่ผู้โดยสาร และการให้บริการ เช่น การขับรถต้องเป็นไปตามกฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เคยสอบถามผู้โดยสารเรื่องการปรับขึ้นค่ารถเมล์ ซึ่งผู้โดยสารก็เห็นด้วย เพราะค่าโดยสารต่ำมาก ไม่สอดคล้องกับต้นทุน และไม่ได้ปรับมานาน แต่สิ่งที่ผู้โดยสารต้องการคือให้ ขสมก. เร่งจัดหารถเมล์ใหม่มาให้บริการอย่างรวดเร็วและจำนวนมากขึ้น เพื่อทดแทนรถเมล์เก่า เนื่องจากรถเมล์ใหม่เป็นรถชานต่ำ มีมาตรฐานความปลอดภัย ใหม่ สะอาด มีระบบเครื่องปรับอากาศที่เย็นสะบาย และรองรับผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มผู้พิการได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ผู้โดยสารสามารถแนะนำ ร้องเรียน ได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ ขสมก. โทร. 1348 เพื่อที่ ขสมก. จะได้นำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น โดยการนำรายได้กลับสู่ผู้โดยสาร ด้วยการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการที่ดีขึ้น
นายประยูร กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ร่วมกันยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางต่อศาลปกครอง ฐานกระทำการสั่งขึ้นค่ารถเมล์ทั้งระบบโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการสร้างภาระให้เกิดขึ้นกับประชาชนเกินสมควร ตาม ม.9(1) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 โดยศาลปกครองกลาง ได้รับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาไต่สวนแล้วและมีคำสั่งให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาศาลในวันที่ 22 เม.ย. เวลา 10.00 น. เพื่อไต่สวนคำขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว เพื่อทุเลาการบังคับคดีไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น หากศาลฯ มีคำสั่งใดๆมา ขสมก. พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาล เพราะคำสั่งศาลถือเป็นคำสั่งที่ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งศาลฯ ต้องปฏิบัติไปตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ที่กำหนดให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารไปก่อน
ด้าน น.ส.นิชชา วงศ์ภักดี อายุ 23 ปี อาชีพนักศึกษา ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเมล์สาย ปอ.29 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต กล่าวว่า ใช้บริการรถเมล์ในการเดินทางเป็นประจำ โดยเฉพาะสาย ปอ.29 ซึ่งการปรับขึ้นราคาโดยสารในครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบมาก เพราะจ่ายเพิ่มแค่ 1 บาทตามระยะทาง จากเดิมจะเก็บอยู่ที่ 13-25 บาท เพิ่มเป็น 14-26 บาท ซึ่งถือว่าปรับขึ้นจำนวนไม่มาก สามารถจ่ายได้อยู่แล้ว เนื่องจากยังจำเป็นต้องใช้รถเมล์อยู่ เพราะสะดวก และราคาถูก ถ้าเทียบเท่ากับการใช้บริการรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ที่จะต้องจ่ายค่าโดยสาร 30-35 บาท ซึ่งมีราคาแพงกว่ารถเมล์ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อปรับขึ้นค่าโดยสารแล้วต้องการให้ผู้ประกอบการปรับปรุงการให้บริการ รวมทั้งให้กำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารว่าต้องมีวาจาสุภาพกับผู้โดยสาร หมั่นบอกผู้โดยสารเมื่อรถเมล์ถึงจุดจอดในแต่ละป้ายรถเมล์ เพราะบางครั้งผู้โดยสารไม่ได้ใช้รถเมล์เป็นประจำ ทำให้ไม่รู้จุดหมายที่จะลง รวมทั้งต้องปรับปรุงสภาพรถเมล์ เพราะมีสภาพเก่าและเกิดปัญหารถเมล์เสียระหว่างทาง ทำให้ผู้โดยสารต้องเสียเวลาในการเดินทาง