อานิสงส์เลือกตั้งดึงเม็ดเงินต่างชาติลงทุนอสังหาฯเพิ่ม
เศรษฐกิจ
“จากข้อมูลที่ผ่านมาก่อนเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้งในปี 50, ปี 54, ปี 57 และปี 62 ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยปีนี้คาดว่าราคาปรับเพิ่มขึ้น 5% แต่เชื่อว่าไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เพราะกลุ่มผู้ซื้อเป็นกลุ่มที่มีความต้องการแท้จจริง นอกจากนี้การออกนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ก็จะช่วยให้ตลาดคึกคักเพิ่มขึ้น เช่น ลดภาษีธุรกิจเฉพาะ ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีหน้าเป็นเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะกระทบต่อการซื้อบ้านหลังแรก หลังที่2 และหลังที่ 3 เพิ่มขึ้น”
สำหรับผลสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพช่วงไตรมาสที่ 1/ 62 พบว่ามีอุปทานคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ในตลาดทั้งสิ้น 11,300 หน่วย จาก 30 โครงการ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 20% โดยทำเลที่มีการเปิดตัวของคอนโดมิเนียมมากที่สุดยังคงเป็นพระโขนง สวนหลวง แบริ่ง (2,400 หน่วย หรือ 21%) รองลงมาเป็น พญาไท รัชดาภิเษก (1,938 หน่วยหรือ17%) และอันดับสามคือ ลาดพร้าว วังทองหลาง (1,580 หน่วย หรือ 14%)
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดหลายประการ เช่น คอนโดมิเนียมที่เกิดใหม่ไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียมกลุ่มซิตี้คอนโด ที่มีราคาต่อตารางเมตรไม่เกิน 75,000 บาท และ ตลาดกลาง หรือ mid market ที่มีราคาต่อตารางเมตรไม่เกิน 100,000 บาทรวมกันมากถึง 75% ของจำนวนหน่วยที่เปิดใหม่ทั้งหมด (ประมาณ 8,500 หน่วย) จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบรับกับตลาดที่มีความต้องการแท้จริงมากขึ้น
“คอนโดมิเนียมในตลาดไฮเอนด์และลักซูรี่ที่น่าสนใจ เกิดขึ้นอีกหลายโครงการจากผู้ประกอบการในตลาด หลักทรัพย์ที่ได้ซื้อที่ดินไปแล้วตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว ส่วนดีมานด์ ส่วนใหญ่จะมาจากผู้อยู่อาศัยจริง เนื่องจากมาตรการ LTV และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น และตลาดผู้อยู่อาศัยจริงสำหรับคนกรุงเทพก็ยังคงเป็นตลาด mid market และตลาดซิตี้คอนโดนั่นเอง ในขณะที่ตลาดไฮเอนด์ปีนี้ จะเป็นตลาดที่ต้องระมัดระวังเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนชาวไทยน่าจะลดลงไป ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในตลาดปรับตัวสูงขึ้นไม่น่าจะเกิน 5-6% คอนโดมิเนียมให้เช่าระยะยาวก็จะเริ่มพัฒนามากขึ้นในทำเลที่เป็นที่ดินของรัฐบาลที่ปล่อยให้เช่าระยะยาวและที่ดินเอกชน”