การเมือง-ปัจจัยลบต่างประเทศ กดดันเงินบาท
เศรษฐกิจ
ทั้งนี้หากเทียบกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นในภูมิภาคแล้ว นับว่าเงินบาทยังอ่อนค่าในลักษณะเกาะกลุ่มไปกับทิศทางของสกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากต้องรับมือกับสัญญาณที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลกซึ่งมีผลกระทบต่อเนื่องมายังภาคการส่งออกและเศรษฐกิจในภาพรวมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ก็สามารถทยอยฟื้นตัวแข็งค่ากลับขึ้นมาได้(จากที่ถูกกดดันอย่างหนัก จากสัญญาณยืนอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุม FOMC ในรอบเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญหลายตัวไม่ได้ออกมาแย่ตามที่ตลาดกังวล ซึ่งสะท้อนว่าปัจจัยพื้นฐานและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
สำหรับในระยะข้างหน้าประเมินว่า ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อทิศทางเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ซึ่งอาจต้องติดตามเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า (นอกเหนือไปจากปัจจัยการเมืองในประเทศ) ก็คือ บรรยากาศของตลาดสกุลเงินในภูมิภาค เพราะเป็นที่น่าสังเกตว่า แนวโน้มของสกุลเงินเอเชียบางสกุล เช่น วอน-เกาหลีใต้ ริงกิต-มาเลเซีย และรูปี-อินเดียที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมากในระยะนี้ ล้วนถูกกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของภาคการส่งออก
ส่วนปัจจัยเฉพาะทางการเมืองภายใน และความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ประกอบการควรศึกษาและเลือกใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้สามารถลดทอนผลกระทบและปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากโอกาสที่เงินบาทจะผันผวนตามกระแสของสกุลเงนิในภูมิภาคได้