เอเชียพลัสคาดกำไรสุทธิหุ้นไทยแตะ1ล้านล้าน
เศรษฐกิจ
Webmaster
2019-05-05 15:00:00
5
Webmaster
2019-05-05 15:00:00
5
-
สนับสนุนเนื่อหา
รายงานข่าวจากบล.เอเชียพลัสแจ้งว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีประเด็นที่น่าสนใจ 2 เรื่อง เริ่มจากการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/62 ของบริษัทจดทะเบียน โดยในช่วงที่ผ่านมามีการประกาศกำไรของบริษัทขนาดใหญ่พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไรสูงกว่าคาด ขณะที่ SCC ก็ทำกำไรได้สูงตามคาด
ส่วนกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ ที่จะทยอยประกาศในลำดับถัดไปก็คาดว่าจะมีการบันทึก Stock Gain ทำให้ฐานกำไรอยู่ในระดับสูง โดยภาพรวมจึงเชื่อว่าฐานกำไรสุทธิรวมน่าจะกลับไปอยู่ที่ระดับ 2.5 – 2.6 แสนล้านบาท และทำให้กำไรสุทธิโดยรวมทั้งปีปรับขึ้นไปสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาว แต่ในระยะสั้นอาจเป็นเพียงการเก็งกำไรในหุ้นบางบริษัทที่ผลประกอบการโดดเด่น ซึ่งอาจไม่มีผลต่อ SET Index มากนัก
นอกจากนี้ติดตามปัจจัยทางการเมืองในวันพุธที่ 8 พ.ค. กกต. จะประกาศรับรอง ผลการเลือกตั ง ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่า 475 คน หลังจากนั้นกระบวนการต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมา คาดว่าจะเห็นการเริ่มโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ค. หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีก็คาดว่าจะเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้งหนึ่งในช่วงปลายเดือน พ.ค. ประเมิน SET Index สัปดาห์นี้ ยังอยู่ในโหมดของการแกว่งขึ้นโดยมีแนวรับที่ 1,658 จุด หากยืนได้เชื่อว่าจะเห็นการปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,680 จุด และ 1,690 จุด
" กลยุทธ์เน้นลงทุนหุ้น Domestic ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะทำให้พอร์ตรวม Outperform ตลาดฯต่อเนื่อง โดยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยยังคงไว้ที่ 40% โดยเห็นว่า Downside มีไม่มาก ขณะที่อาจได้รับแรงหนุนหากสถานการณ์ทางการเมืองหลัง วันที่ 9 พ.ค. มีพัฒนาการไปสู่การได้รัฐบาลจากการเลือกตั งตามกรอบเวลาที่ก้าหนดไว้ในกฎหมาย พอร์ตการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ แรงขับเคลื่อนสำคัญในช่วงเดือน พ.ค. 62 น่าจะเป็นเครื่องบทสรุปของเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – จีน"
ส่วนกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ ที่จะทยอยประกาศในลำดับถัดไปก็คาดว่าจะมีการบันทึก Stock Gain ทำให้ฐานกำไรอยู่ในระดับสูง โดยภาพรวมจึงเชื่อว่าฐานกำไรสุทธิรวมน่าจะกลับไปอยู่ที่ระดับ 2.5 – 2.6 แสนล้านบาท และทำให้กำไรสุทธิโดยรวมทั้งปีปรับขึ้นไปสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาว แต่ในระยะสั้นอาจเป็นเพียงการเก็งกำไรในหุ้นบางบริษัทที่ผลประกอบการโดดเด่น ซึ่งอาจไม่มีผลต่อ SET Index มากนัก
นอกจากนี้ติดตามปัจจัยทางการเมืองในวันพุธที่ 8 พ.ค. กกต. จะประกาศรับรอง ผลการเลือกตั ง ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่า 475 คน หลังจากนั้นกระบวนการต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมา คาดว่าจะเห็นการเริ่มโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ค. หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีก็คาดว่าจะเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้งหนึ่งในช่วงปลายเดือน พ.ค. ประเมิน SET Index สัปดาห์นี้ ยังอยู่ในโหมดของการแกว่งขึ้นโดยมีแนวรับที่ 1,658 จุด หากยืนได้เชื่อว่าจะเห็นการปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,680 จุด และ 1,690 จุด
" กลยุทธ์เน้นลงทุนหุ้น Domestic ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะทำให้พอร์ตรวม Outperform ตลาดฯต่อเนื่อง โดยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยยังคงไว้ที่ 40% โดยเห็นว่า Downside มีไม่มาก ขณะที่อาจได้รับแรงหนุนหากสถานการณ์ทางการเมืองหลัง วันที่ 9 พ.ค. มีพัฒนาการไปสู่การได้รัฐบาลจากการเลือกตั งตามกรอบเวลาที่ก้าหนดไว้ในกฎหมาย พอร์ตการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ แรงขับเคลื่อนสำคัญในช่วงเดือน พ.ค. 62 น่าจะเป็นเครื่องบทสรุปของเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – จีน"
