รัฐพร้อมหนุนเอสเอ็มอียกระดับสินค้าบุกตลาด
เศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก ซึ่งทำให้เอสเอ็มอีต้องการความช่วยเหลือใน 3 ด้านสำคัญ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยตรงกับความต้องการของผู้บริโภค การเจาะตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนดอกเบี้ยไม่สูงมาก
“ รัฐตระหนักถึงปัญหาของเอสเอ็มอี และได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นตัวช่วย จึงอยากห้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้อย่างเต็มที่ โดยอาจเริ่มจากศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี ของกระทรวงอุตสาหกรรม (SSRC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ให้คำปรึกษาในเรื่องหลักๆ และสามารถเชื่อมโยงไปยังโครงการของหน่วยงานอื่นๆ ลดความจำเป็นที่ต้องติดตามว่าหน่วยงานใดมีทรัพยากรอะไรบ้าง หรือศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่มีบริการในลักษณะเดียวกัน โดยมีศูนย์ครอบคลุม 76 จังหวัด"
นายณัฐพร ศรีทอง หัวหน้าส่วน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เอสเอ็มอีต้องการตัวช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และยกระดับการผลิตสู่มาตรฐานสากล รวมทั้งสร้างความแตกต่าง เพื่อเป็นจุดขายนั้น สามารถติดต่อศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industrial Transformation Center: ITC) เพื่อขอรับคำปรึกษาด้านการผลิตแบบครบวงจร ทั้งการวิเคราะห์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ จัดหาผู้ผลิต บริการด้านวิศวกรรม การรับรองมาตรฐานและการทดสอบตลาด รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต
ส่วนกรณีต้องการบุกตลาดออนไลน์ ในยุคแพลตฟอร์ม อีโคโนมี สามารถเข้าร่วมโครงการและติดต่อหน่วยงานภาครัฐ เช่น โครงการ SME Online by OSMEP ที่บ่มเพาะเอสเอ็มอี จนถึงทำการตลาดจริง Platform Thaitrade.com ซึ่งเป็นช่องทางการขายสินค้าไปต่างประเทศ และ New Economy Academy (NEA) แหล่งรวบรวมความรู้และหลักสูตรอบรมต่างๆ
“จะเห็นว่าตลาดซื้อขายออนไลน์ หรือ e-Commerce ของไทยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่ากว่า 3.2 ล้านล้านบาท ขยายตัว 14% โดยเฉพาะรูปแบบ B2C ครองแชมป์อันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน แต่การประสบความสำเร็จต้องมีความพร้อมหลายด้าน โดยเฉพาะการทำดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งจึงน่าจะใช้ตัวช่วยจากภาครัฐ สำหรับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ภาครัฐมีโครงการดีๆ ทั้งการช่วยเหลือด้านหลักประกันผ่าน บสย. โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอี ในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) สินเชื่อสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ตลอดจนสินเชื่อสำหรับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน”