เมื่อวันที่7พ.ค.นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็
นประธานการประชุมคณะกรรมการเร่
งรัดติดตามผลการดำเนิ
นงานและการเบิกจ่
ายงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ว่า ที่ประชุมได้ติดตามผลการเบิกจ่
ายเงินกันเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ 55 – 61 จำนวน 4.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งล่าสุดเบิกจ่ายไปแล้ว 51.5%หรือประมาณ 22,000 ล้านบาท ยังเหลืออีก 48.5% หรือประมาณ 21,000 ล้านบาทที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย โดยหน่วยงานที่มีเงินค้างจ่
ายมากที่สุด ได้แก่ กรมทางหลวง (ทล.) จำนวน13,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการทางหลวงพิ
เศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-นครราชสีมา มีความล่าช้า รองลงมาคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จำนวน 2,800 ล้านบาท จากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
เฟสที่ 1 ที่ล่าช้า ตามด้วยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) 2,400 ล้านบาท เป็นเหตุมาจากผู้รับเหมารายย่
อยทิ้งงานจำนวนมากเพราะสภาพคล่
องไม่ดี และสุดกรมเจ้าท่า (จท.) จำนวน 1,800 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตาม พ.ร.บ.งบประมาณปี 61 ได้กำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างอยู่ให้หมด ดังนั้นที่ประชุมจึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมไปเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ 55 – 61 ซึ่งต้องล้างท่อให้เสร็จภายในปีงบประมาณ 63 หรือวันที่ 30 ก.ย.63
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงคมนาคมในปีงบประมาณ 62 พบว่า ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 30 เม.ย.62 กระทรวงคมนาคมเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมไปแล้ว 45.21% แบ่งเป็นการเบิกจ่ายงบประจำ 62.62% และงบลงทุน 42.16% ซึ่งแม้ว่าผลการเบิกจ่ายจะต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาล แต่ก็มีสัดส่วนสูงกว่าปีงบฯ 61 และคาดว่าจะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ในช่วงไตรมาสที่4 โดย 5 เดือนที่เหลือ(พ.ค.-ก.ย.)ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เบิกจ่ายล่าช้า โดยเฉพาะ ทล.ว่าห้ามรอให้เร่งดำเนินการทันที พร้อมให้จัดทำรายละเอียดการเบิกจ่ายที่ชัดเจนและนำเสนอกระทรวงคมนาคมภายในวันที่10พ.ค.นี้ ทั้งนี้ขอให้ทุกหน่วยงานตระหนักเรื่องการบริหารงบประมาณ เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และหากสามารถดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ได้ตามแผนงานที่กำหนดหรือเร็วกว่านั้น จะส่งผลให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและได้รับความสะดวกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น