ข่าวลุ้นหุ้นไทยพ.ค.วิ่งฉิวการเมืองชัดเจน- MSCIเพิ่มน้ำหนักบจ.(คลิป)  - kachon.com

ลุ้นหุ้นไทยพ.ค.วิ่งฉิวการเมืองชัดเจน- MSCIเพิ่มน้ำหนักบจ.(คลิป) 
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s

นางจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส เปิดเผยว่า   ตลาดหุ้นในเดือนพ.ค.มีปัจจัยบวกหนุนในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการเมือง  ซึ่งวันที่ 9 พ.ค.นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ก็ตามมาด้วยคดีต่าง ๆ อีกมาก ทั้งการแจกใบเหลือง ใบส้ม แต่จะเห็นภาพชัดเจนเรื่องการจับขั้วทางการเมือง  ดังนั้นการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญ 

"นักลงทุนรอดูการจัดตั้งรัฐบาลถ้ามีเสถียรภาพก็สามารถดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนมากขึ้น   ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นตอบรับการนับคะแนนเสียพลังประชารัฐมาตลาดหุ้นขึ้น  และกรณีที่พรรคเพื่อไทยแถลงจับมือกับพรรคอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ตลาดคาดหวังจับมือกับหลายพรรคแต่รายชื่อเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยมีจำนวนน้อยกว่าทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับลง 10 กว่าจุด ซึ่งตลาดไม่ได้สนใจว่าพรรคเอหรือพรรคบีมา แต่เอกชนอยากเห็นการเมืองนิ่งและมีเสถียรภาพมากกว่า แต่ถ้าพลังประชารัฐมาน่าจะเป็นบวกกับตลาดหุ้น" 

สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลหากดำเนินการช้าจะกระทบต่อนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะในครึ่งปีแรกเศรษฐกิจอ่อนแอที่อยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้อานิสงส์จากปีที่แล้วที่มีโมเมนตัมต่อเนื่อง  ดังนั้นระยะสั้นรัฐบาลใหม่ต้องกระตุ้นการบริโภคไปก่อน   ส่วนระยะยาวลงทุนสนับสนุนโครงสร้างลงทุนขนาดใหญ่  เช่น รถไฟฟ้า เป็นต้น



ส่วนประเด็นที่มีส่งผลดีต่อตลาดหุ้นอีกประเด็นเป็นเรื่อง  MSCI   ปรับเกณฑ์ใช้ NVDR เข้าคำนวณดัชนี MSCI Thailand   คาดว่าน้ำหนักหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้น 0.5%  จาก 2.5% เป็น 3% หรือคิดเป็นเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 70,000 ล้านบาท  โดยหุ้นที่คาดว่าจะเพิ่มน้ำหนักถูกเข้าคำนวณดัชนี เช่น SCC,DTAC, RATCH, CENTEL ซึ่งหุ้นดังกล่าวได้ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว  แต่จะเห็นการประกาศเป็นทางการ 15 พ.ค.นี้และมีผล 3 มิ.ย. คาดว่าจะทำให้มีการเก็งกำไรอีกรอบหากได้เพิ่มน้ำหนักจริงและทำให้เงินทุนไหลเข้ามาซื้อหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.ต่อเนื่องไปถึงมิ.ย.  
 
อย่างไรก็ตาม  ปัจจัยที่เป็นห่วงคือ สงครามทางการค้า หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจาก 10% เป็น 25% ในวันที่ 10 พ.ค.นี้  เป็นปัจจัยกดตลาด เพราะหลังจากที่มีปัญหาสงครามก.พ.ปีที่แล้วตลาดหุ้นปรับตัวลง ส่งออกเอเชียหดตัวได้รับผลกระทบตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมาทั้งจีน เกาหลีใต้ และไทย   ซึ่งภาพเศรษฐกิจที่หลายประเทศแย่ทำให้สหรัฐฯ จะต้องหาวิธีตรงกลางประนีประนอมให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว  

ส่วนเป้าดัชนีในเดือนพ.ค.อาจอยู่ที่ 1,700-1,750 จุด กำไรต่อหุ้น (อีพีเอส)อยู่ที่  101-102  บาทต่อหุ้น พีอี 16 เท่า  และสิ้นปีมองไว้ที่  1,800 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นประกาศงบในไตรมาส  1/62  ที่คาดว่าผลประกอบการดี และหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ  เช่น รับเหมาก่อสร้าง  เสาเข็ม แบงก์ ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า  และโรงเรียน เป็นต้น