ข่าวบลจ.กสิกรไทยจ่ายปันผล 4 กองทุนต่างประเทศ - kachon.com

บลจ.กสิกรไทยจ่ายปันผล 4 กองทุนต่างประเทศ
เศรษฐกิจ

photodune-2043745-college-student-s
นายนาวิน อินทรสมบัติ  รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย  เปิดเผยว่า  เตรียมจ่ายปันผล 4 กองทุนต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พ.ค.61 ถึง 30 เม.ย. 62 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ส.ค.61 ถึง 30 เม.ย.62 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย

กองทุนเปิดเค เอเชียน สมอลเลอร์ หุ้นทุน (K-ASIA) ผลดำเนินงาน1 พ.ย.61 ถึง 30 เม.ย.62 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน (K-INDIA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1  ก.พ. 62 ถึง 30 เม.ย. 62 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 พ.ค.62 รวมมูลค่า 384.06 ล้านบาท   อย่างไรก็ตาม มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป เอเชีย และอินเดีย แต่ต้องประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุนเพิ่มเติม ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ แนะนำให้ชะลอการเข้าลงทุน  

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี แตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาค่อนข้างดี ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ซึ่งแม้จะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่อาจพลิกโผหากข้อตกลงยังไม่เป็นที่พอใจของประธานาธิบดีทรัมป์ อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบในระยะสั้น หากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีเป็น 25%

ส่วนธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ประเด็น Brexit แบบไม่มีข้อตกลงมีแนวโน้มลดลง ซึ่งส่งผลให้หุ้นเติบโตสูง (Growth stock) และหุ้นกลุ่มไอทีได้รับประโยชน์ ด้าน ตลาดหุ้นเอเชียได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง (Dovish) ทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น อย่างไรก็ดี การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งแกร่ง ค่าเงินมีเสถียรภาพ อีกทั้งระดับราคาหุ้นซื้อขายถูกกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น

ขณะที่เศรษฐกิจอินเดียได้รับแรงหนุนจากการบริโภคในประเทศ ธนาคารกลางอินเดียสามารถผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน โดยปรับลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 6% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ดี ควรจับตาผลการเลือกตั้งช่วงปลายเดือน พ.ค. ซึ่งคาดว่าพรรคบีเจพีของนายโมดีมีแนวโน้มได้เป็นรัฐบาลต่อไป ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย