กรุงไทยชู 3 กองทุนรับมือตลาดหุ้นผันผวน
เศรษฐกิจ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะหุ้นในตลาดโลกมีความผันผวน หลายกองทุนเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต บริษัทจึงขอแนะนำ 3 กองทุน ที่น่าสนใจคือ กองทุนเปิดกรุงไทย สตาทีจิค แอคทีฟ โกลบอล แอลโลเคชั่น ( KT-SAGA ) เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟในต่างประเทศ จะเน้นลงทุนในอีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนีหุ้นและตราสารหนี้ เป็นหลัก โดยมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management )
สำหรับจุดเด่นของกองทุนดังกล่าวมีความยืดหยุ่นสูง โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับตลาดได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ กองทุน ETF มีความหลากหลาย ทั้งอิงกับดัชนีหุ้น ตราสารหนี้ ทั้งระดับภูมิภาค และระดับประเทศ รวมถึงมีสภาพคล่องสูงทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารพอร์ตโฟลิโอ
ทั้งนี้ในช่วงที่ภาวะหุ้นมีความผันผวน กองทุนสามารถลดความผันผวน โดยการจัดสรรเงินลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้อย่างเหมาะสม เพื่อปรับระดับความเสี่ยงได้ ขณะที่สภาพคล่องในตลาดอยู่ระดับสูง ประกอบกับดอกเบี้ยที่ต่ำหลังจากธนาคารกลางต่าง ๆ เริ่มลดความเข้มงวดของนโยบายทางการเงิน กองทุนนี้ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการโอกาสเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศทั่วโลก ผ่านการเลือกลงทุนใน ETF และต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเบนช์มาร์ค (การวัดผลการดำเนินงานของกองทุน) ในระยะกลางถึงยาว ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 เดือน อยู่ที่ 2.63% เบนช์มาร์ค อยู่ที่ 2.12 % โดยกองทุนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 62
ส่วนกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ ( KT-Healthcare ) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Janus Global Life Sciences Fund ที่กองทุนรวมหลักมีวัตถุประสงค์เพื่อการบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว เน้นการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่างๆทั่วโลก ที่มีธุรกิจด้านการรักษา และพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การดำเนินชีวิต โดยราคาหุ้นกลุ่ม เฮลธ์แคร์ เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างเร็ว หลังจากได้รับผลกระทบจากข่าวการผลักดันการปฎิรูปกฎหมายประกันสุขภาพของพลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้กลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรม ได้รับผลกระทบในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่ประกาศออกมาและกำไรสุทธิของบริษัทในกลุ่มเฮลธ์แคร์ยังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง และอยู่ในระดับสูง เป็นแรงหนุนในปัจจัยพื้นฐาน และส่งผลให้ ราคาหุ้นปรับตัวอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยกองทุนได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการควบรวมกิจการและการเติบโตของนวัตกรรมใหม่ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในระยะยาว ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 30 เม.ย. 62 (ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. -30 เม.ย.) อยู่ที่ 9.77% 6 เดือนอยู่ที่ 1.19% และ 1ปี อยู่ที่ 6.89% ส่วน เบนช์มาร์ค อยู่ที่ 4.84% 6เดือน อยู่ที่ -1.96% และ1 ปี อยู่ที่ 9.76%
กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (KT-China ) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Blackrock China Fund บริหารแบบเชิงรุกในตราสารทุนของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจีน หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในจีนที่จดทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ทางการยังคงมีแผนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เศรษฐกิจจีนลดความเสี่ยงของการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น มาตรการลดภาษีสินค้านำเข้า รถยนต์จากประเทศต่างๆ และลดภาษีบุคคลเพื่อกระตุ้นภาคการบริโภค
ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากสงครามการค้าที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นจีน เป็นผลให้ตลาดมีความผันผวน ซึ่งอาจจะเป็นจังหวะในการทะยอยเข้าสะสมได้
ดัานผลสรุปของสงครามการค้า น่าจะสิ้นสุดได้ในเร็วๆนี้ และจะส่งผลดีต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการลงทุนในประเทศจีน สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 30 เม.ย.62 อยู่ที่ 19.72% 3 เดือนอยู่ที่ 8.82% และ 6 เดือน อยู่ที่ 18.16% ส่วนเบนช์มาร์ค อยู่ที่ 18.40% 3 เดือนอยู่ที่ 10.34% และ 6 เดือน อยู่ที่ 14.39% อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต