โรงตึ๋ง! คึกคักตุนเงินสดรับศึกเปิดเทอม (คลิป)
เศรษฐกิจ
นายนพดล เพิ่มพิทยา ผู้อำนวยการสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดเทอมได้จัดสรรวงเงินไว้ 120 ล้านบาท จากปีก่อน 92 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการโรงรับจำนำในกทม. เนื่องจากผู้ปกครองจะนำทรัพย์สินมาจำนำเป็นจำนวนมากสำหรับใช้ในการจ่ายค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียนให้กับบุตรหลาน นอกจากนี้ได้ดำเนินการตามนโยบายพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม. ที่ต้องการให้ดอกเบี้ยถูกด้วยการจัดโปรโมชั่นตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมาจนถึง 31 พ.ค.นี้ให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้ปกครอง ด้วยการคิดอัตราดอกเบี้ย 50 สต. พร้อมขยายวงเงินต้นจาก 70,000 บาทเป็น 100,000 บาท สำหรับนักเรียน นิสิตนักศึกษาหากใช้บริการต้องมีบัตรประจำตัวนักเรียน-นักศึกษา แต่ถ้าเป็นผู้ปกครองต้องมีใบเสร็จรับเงินเกี่ยวกับการจ่ายค่าเทอมให้กับบุตรหลาน และถ้าเป็นผู้ดูแลเด็กต้องดูใบสูจิบัตรด้วยว่าเป็นพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง หรือให้โรงเรียนออกหนังสืออย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้ปกครองเพื่อให้สามารถเข้ารับบริการดอกเบี้ยพิเศษได้
สำหรับสินทรัพย์ที่นำมาจำนำส่วนใหญ่เป็นทองรูปพรรณ 85% สัดส่วน 10% เป็นอัญมณี แหวน ตุ้มหู ที่เหลือ5% เป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด เช่น กีตาร์ ส่วนราคาทองคำที่ผันผวนมีผลต่อการจำนำ เนื่องจากราคาทองคำแท่งที่ผ่านมาปรับตัวลงอยู่ที่บาทละ 19,400 บาท ซึ่งเวลาคนนำมาจำหน่ายก็อยากได้ราคาสูง ดังนั้นโรงรับจำนำกทม. กำหนดราคาจำนำที่ 87.5% ราคาอยู่ประมาณบาทละ 16,000 บาทกว่า เพราะถ้าลูกค้าไม่มาไถ่ถอนจะทำให้โรงรับจำนำไม่ขาดทุนมากนัก เพราะถ้าราคาทองคำลงมามากจะทำให้ขาดทุนมาก
" ตอนนี้ติดปัญหาทองคำปี 56 เคยขึ้นถึงบาทละ 26,000 บาท แต่ปัจจุบันราคาลงเร็วมากทองรูปพรรณบาทละ 19,850 บาท ทำให้ต้องแบกภาระต้นทุนดังกล่าวและมีทรัพย์ที่ติดจำนำอยู่ 300-400 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มนำออกมาขายด้วยการนำทรัพย์หลุดออกมาประมูลเดือนละครั้ง แต่ละเดือนประมาณ 10 ล้านบาท"
ขณะเดียวกันมีการให้บริการพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการค้าขาย โดยหากเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ย 25 สต.ต่อเดือน และเงินต้น 5,000-15,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1 บาท หลังจากนั้นเป็นไปตามกฏหมายกำหนด โดยวงเงินที่เกิน 15,000 บาท 2,000 บาทแรกคิดดอกเบี้ย 2 บาท จากนั้นคิดดอกเบี้ย 1.25 บาท โดยแต่ละปีจัดสรรวงเงินไว้ที่่ 3,900 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอกับความต้องการของประชาชนและมีเงินเตรียมสำรอง 1,000 กว่าล้านบาท และปัจจุบันมีสาขา 21 สาขา เตรียมเปิดสาขาใหม่ที่ประเวศปลายปีนี้
นายบุญเลิศ พัฒนารุ่งอโนทัย ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ หรือสธค. กล่าวว่า ได้เตรียมวงเงินสำหรับรองรับผู้มาใช้บริการช่วงเปิดเทอม 500 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยดังนี้คือ เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ย 25 สตางค์ต่อเดือน เงินต้น 5,001 - 10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 75 สตางค์ ต่อเดือน เงินต้น 10,001 - 20,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1 บาท ต่อเดือน เงินต้น 20,001 - 100,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1.25 บาท ต่อเดือน สำหรับสิ่งของรับจำนำจะเป็นทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง นาก เงิน เพชร และสินค้าเบ็ดเตล็ด เช่น กล้องถ่ายรูป นาฬิกา แว่นตา เครื่องเขียนเครื่องไฟฟ้า เครื่องมือช่าง ฯลฯ ให้วงเงินรายละไม่เกิน 100,000 บาท โดยการประเมิณราคานั้นขึ้นอยู่กับสภาพของทรัพย์ที่นำมาจำนำ
ทั้งนี้ในปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 39 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตต่างๆ ของกรุงเทพฯ จำนวน 29 แห่ง ปริมณฑล 4 แห่ง ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี 2 แห่ง ปทุมธานี และสมุทรปราการ และส่วนภูมิภาค 6 แห่ง ได้แก่ จังหวัดระยอง 2 แห่ง จังหวัดลำพูน 1 แห่ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 แห่ง จังหวัดอุดรธานี 1 แห่ง และจังหวัดพิษณุโลก 1 แห่ง ซึ่งในปี 2563 มีแผนการขยายสาขา สธค. ไปสู่ภูมิภาค อีก 2 สาขา คือ จังหวัดอยุธยา และจังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มช่องทางบริการรับจำนำของภาครัฐ
" สธค. ได้ปรับภาพลักษณ์ เปลี่ยนโฉมการบริการใหม่ ตั้งแต่เรื่องภาพลักษณ์ภายนอก ให้ดูมีความสะดวกสบายมากขึ้น ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และมีมาตรฐานมากขึ้น"