ยอดลงทุนบีโอไอไตรมาสแรกวูบ
เศรษฐกิจ
สำหรับประเภทกิจกรรมที่ยื่นขอรับการส่งเสริมมากที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ 1.กิจการบริการและสาธารณูปโภคจำนวน 129 โครงการ คิดเป็น 33% ของจำนวนโครงการทั้งหมด เงินลงทุนรวม 46,888 ล้านบาท 2.กิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 81 โครงการ เงินลงทุนรวม 22,259 ล้านบาท 3.กิจการผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 65 โครงการ เงินลงทุนรวม 15,258 ล้านบาท และ 4.กิจการเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร จำนวน 52 โครงการ เงินลงทุนรวม 7,365 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนรายใหม่ยังคงให้ความสนใจยื่นขอรับการส่งเสริม โดยมีโครงการลงทุนใหม่จำนวน 208 โครงการ คิดเป็น 54% ของจำนวนคำขอรับการส่งเสริมทั้งหมด ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 39,170 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ขณะเดียวกัน การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ มีจำนวน 245 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 84,104 ล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวนโครงการ เพิ่มขึ้น 8%ส่วนมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 253% สำหรับประเทศที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ญี่ปุ่น จำนวน 55 โครงการ เงินลงทุน 26,845 ล้านบาท อันดับ 2 จีน จำนวน 38 โครงการ เงินลงทุน 9,072 ล้านบาท และอันดับ 3 สิงคโปร์ จำนวน 29 โครงการ มูลค่า 5,447 ล้านบาท
โดยหากพิจารณาในด้านโครงการ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็น 29% ของโครงการจากต่างชาติทั้งหมด แต่หากพิจารณาในด้านมูลค่าการลงทุน ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดแร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน คิดเป็น 30% ของมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวข่าวรายงานว่า จากสถิติรายงานตัวเลขของบีโอไอ จะเห็นได้ว่า ตัวเลขของเดือนม.ค. – มี.ค. 62 มูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 128,903 ล้านบาท ลดลง 76,327 ล้านบาท หรือ 37.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 205,140 ล้านบาท