ข่าวคมนาคมบินลัดฟ้าดูฝรั่งเศสโมเดล - kachon.com

 เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่กระทรวงคมนาคม(คค.) นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังให้นายฌาก ลาปูฌ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาความปลอดภัยทางถนนว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ต้องการให้ฝรั่งเศสมาช่วยเหลือไทยแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน เพราะแม้ว่าไทยจะพยายามรณรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่องและทุ่มเททั้งแรงกายและทรัพยากรดูแลเฝ้าระวังตลอดมาโดยตลอด เช่น เทศกาลสงกรานต์ปี 62 ที่ผ่านมา แต่พบว่าการเกิดอุบัติเหตุทางถนนยังสูงอยู่ 
    
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมไทยได้รายงานมาตรการลดอุบัติเหตุทางถนน อาทิ การปรับปรุงแก้ไขถนนที่ให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การกำหนดจุดเสี่ยง และการแก้ไขจุดเสี่ยง ทางโค้ง ทางลาดชัน หรือทางตรงที่เสี่ยงการหลับในเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งทางข้าม จุดกลับรถ กระบวนการออกใบอนุญาตขับรถ (ใบขับขี่) โดยมีโรงเรียนสอบขับรถที่ได้ผ่านการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ทั้งการทดสอบ อบรมทฤษฎีและปฏิบัติให้ได้มาตรฐานตามที่ ขบ. กำหนด ทั้งนี้การบังคับใช้กฎหมายด้านจราจรถือว่ายังไม่เข้มข้นทำให้ประชาชนผู้ขับขี่ยังฝ่าฝืนกฎหมายจราจรอยู่ เช่น เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ นอกจากนี้ไทยกำลังพัฒนาะบบควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับขี่ด้วยการนำระบบตัดแต้มใบขับขี่มาใช้ด้วย
    
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ฝรั่งเศสต้องการให้ไทยไปศึกษาดูงาน วิธีคิดและแนวทางการทำงานเรื่องการลดอุบัติเหตุของฝรั่งเศส เนื่องจากเมื่อ 40 ปีแล้ว ฝรั่งเศสก็ประสบปัญหาอุบัติเหตุสูง ซึ่งไม่ต่างกันกับไทยในขณะนี้ เพราะสภาพถนนดี ทำให้ประชาชนขับรถเร็ว แต่หลังมีมาตรการก็สามารถแก้ปัญหาและลดอุบัติเหตุทางถนนลงได้ จึงต้องการที่จะแชร์ประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จให้ไทย เนื่องจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสอยู่ไทยมาหลายปี และช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาได้ขับรถไปเที่ยว จ.เชียงใหม่ ซึ่งพบว่าถนนมีสภาพดี แต่ตามแนวเส้นทางยังมีจุดเสี่ยงมาก ทั้งจุดตัดทางร่วมทางแยก และจุดกลับรถกลางถนน ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจะจัดตั้งทีมงานขึ้น ประกอบด้วย กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ขบ. สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และผู้แทนจากตำรวจ เพื่อเดินทางไปศึกษาดูงานที่ฝรั่งเศสในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ โดยทีมงานต้องไปเรียนรู้กระบวนการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุของฝรั่งเศส พร้อมทำแผนระบบการเดินทางที่ปลอดภัย เพื่อนำมาปฎิบัติต่อไป