เทรดวอร์กดตลาดหุ้นดิ่ง แนะเพิ่มพอร์ตตราสารหนี้(คลิป)
เศรษฐกิจ
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า การลงทุนตลาดหุ้นช่วงนี้มีความผันผวน หลังจากที่สหรัฐฯประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าจีนเพิ่มขึ้น จาก 10% เป็น 25% และจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯวงเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเชื่อว่าสถานการณ์ยังยืดเยื้อหาข้อสรุปยังไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างแข่งขันเป็นผู้นำในเศรษฐกิจโลกทำให้มีแรงกดดันในตลาดหุ้นและเศรษฐกิจโลกทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไปไหนไม่ได้ไกล ซึ่งประเมินสิ้นปีคาดว่าจะแตะที่ระดับ 1,700-1,750 จุด
ทั้งนี้ในช่วงตลาดหุ้นเกิดความไม่แน่นอนควรกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง และหาผลตอบแทนการลงทุนใหม่เข้ามาในพอร์ตลงทุน โดยเฉพาะตราสารหนี้ ซึ่งปีนี้คาดว่าให้ผลตอบแทนดีกว่าปีที่แล้ว เช่น กองทุนผสม(ระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้) หรือเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ( Infrastructure Fund) หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) แต่หากเป็นการลงทุนระยะยาวก็ค่อย ๆ สะสมตราสารทุนได้บ้าง แต่ก็ต้องระมัดระวังจากปัจจัยลบในต่างประเทศ
สำหรับในส่วนของบลจ.กสิกรไทยมีกองทุนตราสารหนี้ที่น่าสนใจลงทุน ทั้งกองทุนทั่วไป เช่น กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส (K-FIXEDPLUS) กองทุนเปิดเค เอสเอฟ พลัส(K-SFPLUS) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ ภาครัฐและภาคเอกชน เงินฝากทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม K-GINCOME เน้นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลกให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ซึ่งมี 2 กองทุนคือ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม–A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ และ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม–A ชนิดสะสมมูลค่า ส่วนกองหุ้นไทย เช่น กองทุนเปิดเค หุ้นทุน K-EQUITY กองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ K-STAR-A(R) เหมาะกับตลาดที่มีทิศทางไซด์เวย์ เน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดีที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี