สงครามการค้าลามหนักหวั่นจีนย้ายฐานทำไทยป่วน
เศรษฐกิจ
“การย้ายฐานมาลงทุนของจีน ไทยต้องระวังเรื่องของเทคโนโลยีไม่ได้มาตรฐาน จะมีผลต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป้าหมายไทยต้องการเทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้นรัฐบาลไทย โดยเฉพาะหน่วยงานด้านการลงทุนจะต้องระมัดระวังดูแลไม่ให้การย้ายฐานการผลิตของจีนเข้ามาในประเทศไทย เพื่อสวมสิทธิผลิตสินค้าส่งออกไปขายสหรัฐฯ ต้องมีไม่มากจนเกินไป เพราะสหรัฐฯอาจพิจารณาตอบโต้ทางการค้ากับไทยได้ หากลำดับของไทยมีดุลการค้าที่มากขึ้นจึงเสี่ยงที่ไทยจะถูกกีดกันการค้าเช่นเดียวกับจีน เพราะปัจจุบันประเทศไทย มีการส่งสินค้าไปขายสหรัฐมากกว่านำเข้า ไทยจึงได้เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อยู่แล้วและมากเป็นอันดับที่ 11-12
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ว่า ยอดส่งออกรถยนต์เดือนเม.ย.มีจำนวน 67,114 คัน ลดลง 7.52% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำสุดในรอบ 24 เดือน ส่งออกลดลงทุกตลาด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ - จีน ยกเว้นตลาดออสเตรเลีย ซึ่งกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกของปีนี้ และตลาดตะวันออกกลางยังคงเติบโตขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 35,545 ล้านบาท ลดลง 3.02% ทำให้ยอดส่งออกรถยนต์ 4 เดือนอยู่ที่ 366,955 คัน
“การส่งออกรถยนต์ไทยไปยุโรปลดลงตั้งแต่ปี 61 ที่ผ่านมา เพราะไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี) รถยนต์ ถ้าสหรัฐมีการพิจารณาปรับขึ้นภาษีรถยนต์อีกครั้งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทยทั้งปีไม่น่าจะดีขึ้น จึงต้องติดตามมาตรการตอบโต้ในสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบกับหลายประเทศทั่วโลก และในระยะต่อไปจะส่งผลกระทบมากแค่ไหนเป็นเรื่องที่น่ากังวล รวมถึงผลกระทบต่อการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย ซึ่งขณะนี้ภาคเอกชนพยายามมองหาลู่ทางขยายการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังตลาดอื่นๆ ให้มากขึ้น”