น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังของปี 62 กรมได้มีการปรับแผนในการทำตลาดส่งออก ด้วยการเพิ่มกิจการโรดโชว์ในต่างประเทศ และดึงผู้ค้าในต่างประเทศเข้ามาพบปะกับผู้ประกอบการไทยและเกษตรกรไทยมากขึ้น หรือประมาณ 100-200 ครั้ง เพื่อผลักดันการส่งออกไทยทั้งปีให้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 260,184 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 3% ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เน้นนำผู้ประกอบการไทยจับคู่ธุรกิจตามเมืองต่างๆของประเทศคู่ค้า, ร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ, เชิญผู้นำเข้ามาหาเจรจาธุรกิจกับไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ต้องลงพื้นที่ถึงไร่นา เป็นต้น

นอกจากนี้กรมฯจะร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในการดึงนักลงทุนเข้ามาตั้งโรงงานในไทย หรือการส่งเสริมการร่วมทุนกับผู้ผลิตในกลุ่มต่างๆ เน้นกิจการที่ใช้วัตถุดิบสินค้าเกษตร เพื่อช่วยผลักดันการส่งออกไทยภาพรวม และช่วยระบายสินค้าเกษตรกรรมของไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ผลไม้ เป็นต้น เบื้องต้นมีนักลงทุนแสดงความสนใจผ่านทางทูตพาณิชย์จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากผลกระทบส่งครามการค้าสหรัฐ-จีนและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ทำให้มูลค่าส่งออกไทยในปี 62 ลดลงประมาณ 400,000 ล้านบาท หรือเดิมทีที่ไทยตั้งเป้าส่งออกในปี 62 มูลค่า 272,685 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 8% แต่ล่าสุดกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปรับลดมูลค่าส่งเสริมเหลือ 260,184 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวเพียง 3% ทำให้มูลค่าหายไป 12,501 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 400,000 ล้านบาท) โดยตลาดที่มูลค่าส่งออกหายไปมากสุดเป็นตลาดจีน ที่เดิมตั้งเป้าส่งออกไทยขยายตัว 12% เหลือขยายตัว 1-3%, อาเซียนเดิมตั้งเป้าขยายตัว 8.3% เหลือขยายตัว 5.2%, ยุโรปเดิมตั้งเป้าขยายตัว 3% เหลือ 0%, ญี่ปุ่นเดิมตั้งเป้าขยายตัว 7% เหลือ 1-2% เป็นต้น